วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

สมการแห่งความสำเร็จในการทำขายตรง

หากเรากำลังหลงทางกับสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ด้วยความต้องการที่แวดล้อมยัดเยียดให้เราต้องเป็นแบบนั้น ผมมองว่าเรากำลังเสียเวลานะ ลองหยุดทบทวนอีกครั้งถึงเป้าหมายและความต้องการที่แท้จริง แนวทางที่ถูกต้อง และผลลัพธ์ที่ทำให้เรามีความสุขได้ทุกวัน

ในภาวะที่สงบเงียบพอสมควร ผมได้คิดถึงอะไรหลายๆอย่างที่ผ่านมา และสมองน้อยๆของผมก็เริ่มประมวลผล........

หากจะนึกถึงแนวทางการทำขายตรงตามที่ผมได้สังเกตที่ผ่านมานั้นมีลักษณะแบบนี้ครับ
อัตตา(ความโลภ) + รวยโคตร + แนวทางที่รวยเร็ว = ?

? คือ จะเป็นอะไรก็ได้แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่จะถึงตรงนั้น
หากเริ่มต้นด้วยการขายผลลัพธ์ที่ดูเกินจริง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ การท่องเที่ยว เงินเป็นล้านๆ ภายในเวลาสั้นๆ จนคนฟังเหมือนโดนสะกดจิต และเราก็หลงกับสิ่งที่ได้รับฟังโดยขาดการวิเคราะห์ จนลงไปในหลุมล่อไปกับข้อความที่ว่า ลงทุนแล้วรอรวยได้เลย หากเราตัดสินใจทำขายตรงด้วยสมการข้างต้นและคำพูดสะกดจิตเหล่านี้ ผมบอกได้เลยว่าคิดผิดครับ ผิดอย่างมหันต์

นักโม้ติเวตมืออาชีพมักจะใช้อารมณ์และบรรยากาศที่เกินจริงมาหลอกล่อจนเราต้องหลงทาง หลงทางและลืมไปว่า การทำธุรกิจในโลกนี้ไม่มีธุรกิจไหนที่ลงทุนแล้วนั่งรอที่บ้านแล้วจะรวยได้ หรือยิ่งลงทุนเยอะยิ่งรวยเร็ว



หากเราจะวิเคราะห์กับแบบผ่าให้เห็นกึ๋น เราเคยสังเกตไหมว่า นักโม้ติเวตเหล่านั้นมักจะพูดถึงแต่ความร่ำรวยของตัวเอง บางคนก็โอเคครับมีเหตุและผลรองรับ แต่บางคนพูดจนน้ำท่วมโลกหาทางไปกันไม่เป็นก็มี เคยเห็นใครไหมที่จะพูดว่า เราจะได้อะไร? เราจะทำอย่างไร? ต้องเหนื่อยแค่ไหน? ต้องเรียนรู้มากแค่ไหน? ต้องอดทุนมากแค่ไหน? ต้องมองบวกมากแค่ไหน? จึงจะสำเร็จได้......

สิ่งที่ผมสังเกตเห็นเกี่ยวกับความสำเร็จแบบระยะยาวนั้น เขามักใช้สมการเช่นนี้ในการดำเนินงาน
แบ่งปัน + ใจกว้าง + เรียนรู้ + ถ่อมตน + ช่วยเหลือให้คนอื่นสำเร็จ = ความสำเร็จ

หากสังเกตและวิเคราะห์สมการนี้ให้ชัดและลึก จะพบว่า เป็นสมการที่นึกถึงผลประโยชน์คนอื่นเป็นหลั กเป็นสมการของการให้ เชื่อมั่นว่าหลายๆท่านที่ทำขายตรงมาหลายๆปี และหากเข้าใจถึงปรัชญาหรือหลักการของขายตรง ที่จริงๆแล้วเป็นธุรกิจที่เน้นหลักสำคัญ คือ การแบ่งปัน การช่วยเหลือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ระลึกเสมอว่าคนที่เราชวนเข้ามาทำธุรกิจขายตรงนั้น ก็มีความหวังและอยากสำเร็จเหมือนเรา

โชคดีที่เรา คือ  ขายตรงมือใหม่ที่มีเวลาพอจะปรับ mindset เรื่องการทำขายตรงให้กว้างไปกว่าความเห็นแก่ตัว แล้วมองให้เห็นไปถึงความหวังของคนอื่น เพื่อที่จะใช้การแบ่งปัน ช่วยเหลือให้เขาประสบความสำเร็จได้

และผมเชื่อมั่นว่าสมการที่ 2 นี้จะช่วยให้ความสำเร็จหรือความร่ำรวยกระจายสู่เครือข่ายได้อย่างเท่าเทียมและทุกคนสามารถมีความสุขกับการทำขายตรงให้ประสบความสำเร็จได้

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่อยากเห็นวงการขายตรงเติบโตอย่างมีคุณภาพในเมืองไทย
หมายเหตุ : ทุกข้อความ คือ ความเห็นส่วนตัวนะครับ

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

แชร์ลูกโซ่กับขายตรงต่างกันตรงไหน?



กระแสของแชร์ลูกโซ่ช่วงนี้มาแรงมากๆ แรงจนกลบเกลือนแง่มุมดีๆของธุรกิจเครือข่ายขายตรงจนถึงกับเงิบไปเลยทีเดียว และบางคนที่มีเชื้อไม่ชอบขายตรงอยู่แล้วกลับเหมารวมว่าแชร์ลูกโซ่กับขายตรงคือ เรื่องเดียวกัน วันนี้ผมจะมาไขความกระจ่างเปรียบเทียบกันระหว่าง แชร์ลูกโซ่กับธุรกิจขายตรงแบบถูกกฎหมาย ช๊อตต่อช๊อตกันเลยนะครับ

ธุรกิจเครือข่ายขายตรงถูกกฏหมาย ?


  • จดทะเบียนกับสคบ.ถูกต้องตามกฏหมย เช็คได้ที่นี้
  • บริษัทมีตัวตนจริง / มีอาคารสถานที่มั่งคงถาวร(ไม่ใช่การเช่าชั่วคราวเพื่อพร้อมปิด) / เปิดดำเนินการมานานพอสมควร 3-5 ปีขึ้นไป
  • มีผลิตภัณฑ์ชัดเจนและราคาสมเหตุสมผลไม่แพงจนเกินไป
  • เน้นการซื้อขายกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคและการซื้อซ้ำ
  • รายได้ของนักธุรกิจส่วนใหญ่เกิดจากกำไรค้าปลีกและการบริโภคซ้ำของเครือข่ายผู้บริโภค
  • เติบโตสมเหตุสมผลไม่หวือหวาจนน่าสงสัย


ธุรกิจแชร์ลูกโซ่

  • ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องกับสคบ.
  • บริษัทไม่มีตัวตน / เช่าอาคารชั่วคราวในสภาพพร้อมปิดหนี อาจมีการอ้างว่าบริษัทแม่ที่เมืองนอกกำลังดำเนินการเพื่อมาเปิดดำเนินการในไทย / เปิดดำเนินการมาได้ไม่นานนัก
  • มีผลิตภัณฑ์ไม่ชัดเจน หรืออาจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่จับต้องไม่ได้ เช่น บัตรสมาชิก,การบริการ ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เจ้าของบริษัทที่ตั้งใจจะหลอกลวงหลบหลีกได้ง่าย
  • ตั้งราคาผลิตภัณฑ์สูงเกินไปจนผิดปกติ
  • เน้นการหาสมาชิกใหม่ๆ และต้องลงทุนสูง เพื่อนำเงินมาจ่ายคนเก่าที่ชวนกันมา
  • รายได้เกิดจากการขายฝันแบบเกินความจริง และหลอกให้คนใหม่มาลงทุนด้วยความโลภ
  • เติบโตเร็วจนผิดปกติ
เมื่อเข้าใจข้อเปรียบเทียบระหว่างแชร์ลูกโซ่และขายตรงแบบถูกกฎหมายคร่าวๆแบบนี้แล้ว ต่อไปนี้เราคงตัดสินใจที่จะทำธุรกิจขายตรงอย่างเชื่อมั่นและยิ่งมองเห็นมุมดีๆของขายตรงมากขึ้น ผมมักคิดอยู่เสมอว่าขายตรงมีหลักการและปรัชญาที่ยอดเยี่ยมากๆแต่ปัญหา คือ คนจะนำมาใช้ประโยชน์แบบไหน ถ้าดีก็ดีไปแต่ถ้านำมาหลอกลวงคนอื่นผมถือว่าเป็นอาชญากรรมนะครับ ไม่ใช่ขายตรง