วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

ขายตรง+++อาชีพที่ไม่ใช่ใครก็ทำได้




      อ่านหัวข้อแล้วอาจจะดูขัดๆกับสิ่งที่หลายๆคนคุ้นเคย แต่นี้คืออีกหนึ่งมุมมองที่จะนำไปสู่ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการทำขายตรงจริงๆ

     จริงอยู่ว่าโดยหลักการของขายตรง มักมองว่า ทุกคนสามารถมีธุรกิจของตัวเองได้ ออกแบบการทำงานได้อย่างเป็นอิสระ และสามารถประสบความสำเร็จร่ำรวยได้ในระยะเวลาไม่นานนัก ซึ่งหลายๆคนที่ตัดสินใจเข้าสู่วงการขายตรงก็เพราะตื่นเต้นกับภาพเหล่านี้จนลืมตั้งคำถามว่า เขาทำอย่างไรจึงสามารถประสบความสำเร็จได้แบบนั้น? และหลายคนก็มองไปเพียงเรื่องของรายได้ที่เขาได้รับ แต่กลับไม่ถามต่อว่า เขาต้องจ่ายไปเท่าไหร่? จ่ายอะไรไปบ้าง?

    ในมุมมองของผม ขายตรงก็ คือ ธุรกิจประเภทหนึ่งที่ต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง องค์ความรู้และทัศนคติ เงินทุน ความอดทนที่มากพอ ฉะนั้นหากใช้ความคืดเพียงแค่ว่า มาทำขายตรงเพราะอยากรวยเร็วเป็นความคิดที่ยังคิดไม่จบ และเมื่อไปถึงกลางทางภาพที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด จึงเกิดอาการแป๊ก ผิดหวัง ล้มเหลว และล้มเลิกไปตามระเบียบ

    หากอยากทำขายตรงให้ประสบความสำเร็จนั้น ก็จงทำตัวเป็นคนที่ใช่และหาคนที่ใช่สำหรับการทำขายตรงมาอยู่ในองค์กร ผมยันยืนยันว่า "ไม่ใช่ใครก็ได้ที่เหมาะกับการทำธุรกิจขายตรง"

    3 ใช่ที่เราควรใส่ใจในตัวเองและเลือกคนที่จะมาทำธุรกิจขายตรง

ทัศนคติที่ใช่
    สิ่งนี้ขอยกให้เป็นอันดับหนึ่งตลอดกาล หากสิ่งนี้ยังไม่ใช่อย่าเพิ่งคิดแม้แต่จะเดินออกจากบ้าน
ทัศนคติที่ใช่ในส่วนของการทำธุรกิจขายตรง คือ สิ่งที่ผ่านการเรียนรู้ ศึกษา และมีประสบการณ์มาบ้าง จนตนเองมีทัศนคติที่ดีต่อคำว่าธุรกิจ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการ รู้จักการรับผิดชอบตัวเอง มีวินัย และรู้จักวางแผนด้วยตนเอง
     ทัศนคติที่สำคัญที่จะนำมาใช้ทำขายตรงให้ประสบความสำเร็จ คือ การคิดบวกมองหลายๆมุมให้เป็นจนเห็นข้อดี จนเชื่อว่าขายตรง คือ สิ่งที่ใช่สำหรับเขา
      หากจะเลือกใครเข้ามาร่วมทำขายตรงด้วยอาจจะต้องตั้งโจทย์ทดสอบทัศนคติของท่านเพื่อคัดเลือกเขาคนนั้น

เงินทุนที่ใช่
     อย่างที่กล่าวมาแล้วเบื้องต้นว่า ธุรกิจขายตรงก็คือธุรกิจประเภทหนึ่ง ซึ่งคำว่าธุรกิจก็ต้องมีเรื่องของเงินมาเกี่ยวข้องแน่นอน ตั้งแต่เรื่องการลงทุนและผลกำไรที่จะได้รับกลับมา นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่คนตัดสินใจมาทำธุรกิจขายตรงมองข้าม คือ การจัดการกระแสเงินสด
    หลายคนเข้าใจผิดว่า การทำธุรกิจขายตรงนั้นจบเพียงเรื่องของการลงทุนซื้อหน่วยธุรกิจ แล้วไม่ต้องลงทุนอะไรอีกแล้ว นั่นเป็นความคิดที่จะย้อนกลับมาทำให้เราผิดหวังในไม่ช้า เพราะการทำขายตรงท่านต้องใช้เงินทุนเพิ่มเติมในแง่ของการตลาด การเรียนรู้ และจิปาถะที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ เราต้องจัดการการรับและการจ่ายหรือกระแสเงินสดให้รอบคอบ โดยเฉพาะช่วงแรกของการทำธุรกิจที่อาจต้องใช้เงินลงทุนพอสมควร

ความอดทนที่ใช่
    ข้อดีของธุรกิจขายตรง คือ เป็นอาชีพอิสระ ไม่พอใจจะเลิกทำตอนไหนก็ได้ แต่ก็กลับเป็นข้อเสียสำหรับคนที่มีความอดทนต่ำแต่คาดหวังสูง
    ตอนทำงานประจำนั้น เราถูกบังคับด้วยระเบียบกฎเกณฑ์ของบริษัท ไม่พอใจก็ยังต้องทนทำเพื่อเงินเดือน หรือถ้าไม่พอใจจนถึงขีดสุดก็ลาออกหาที่ทำงานใหม่ แต่ขายตรงตรงข้ามกับทั้งหมด
     สำหรับการทำธุรกิจขายตรงนั้นต้องใช้ความอดทนมากกว่าการทำงานประจำเสียอีก เพราะเราต้องบังคับตัวเองแบบสุดๆเพื่อประสบความสำเร็จให้ได้ ระหว่างทางนั้นตัวเองมักจะหลอกล่อตัวเองด้วยข้ออ้าง อคติ ที่ยังไม่หลุดพ้นจากพื้นที่แสนสบายหรือ comfort zone จนหลายคนต้องตกหลุมพลางติดกับดักแล้วสุดท้ายก็โทษทุกอย่างนอกจากตัวเอง และกลับไปยังจุดเดิมอีก ฉะนั้นยาที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ดีที่สุด คือยาแห่งความอดทนบนความมีระเบียบวินัยนี้เอง

     3 ใช่ที่สำคัญนี้เป็นหลักสำคัญที่จะนำพาทุกคนไปสู่ความสำเร็จในการทำขายตรงได้ และผมขอย้ำอีกครั้งว่าหากยังมีไม่ครบ 3 ใช่อย่าเพิ่งตัดสินใจทำขายตรง เพราะขายตรงไม่ใช่อาชีพที่ใครก็ทำได้สำเร็จ

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

ต้นทุนที่ไม่เท่ากันกับการทำขายตรงให้ยั่งยืน



รายได้ที่ได้รับจากการขายตรงที่ดูมหาศาลเป็นหลักหลายๆล้าน โชว์บ้านแพง โชว์รถหรูกันเคยตั้งคำถามไหมครับว่าเขาจ่ายไปเท่าไหร่? ลงทุนอะไรไปบ้าง?

การทำขายตรง คือ การทำธุรกิจในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งต้องมีการลงทุนเช่นกันกับธุรกิจอื่นๆเช่นกัน

เบื้องหลังรายได้มหาศาล ย่อมมีการลงทุนมหาศาลเช่นกัน
หากมองแบบฉาบฉวยก็จะดูเหมือนว่า การทำขายตรง ได้เงินง่าย รวยเร็ว โดยที่ไม่ต้องทำอะไรมากมาย สบายๆอยู่เฉยๆลิฟท์แห่งความรวยจะส่งไปถึงที่หมายเอง แนวคิดแบบนี้กลับกลายมาเป็นกับดักกักปัญญาไม่ให้สัมผัสถึงความดีของธุรกิจขายตรงได้

มือใหม่หัดขายตรงทั้งหลายอาจจะต้องมาตั้งคำถามใหม่ว่า คนที่เขาสำเร็จรวยเป็นล้านจากขายตรงนี้ เขามีวิธีทำอย่างไร? และลงทุนไปมากน้อยเพียงใด? เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนและลงมือทำขายตรงที่ถูกทิศทาง

สำหรับเรื่องของการลงทุนนั้น เราอาจจะต้องมาเริ่มจากการทบทวนตัวเองก่อนว่าต้นทุนที่เรามีตอนนี้ คืออะไร? ซึ่งในที่นี้ไม่ได้มองแต่เพียงต้นทุนเรื่องเงิน รถ สิ่งปลูกสร้างเท่านั้น เรายังต้องมองไปถึงเรื่องของทักษะต่างๆที่เรามีอยู่ในตัว เช่น การตลาดออนไลน์  การนำเสนอ การขาย การถ่ายทอด  การบริหารจัดการ การขับขี่รถยนต์  และที่สำคัญมากๆ คือ การเรียนรู้ ซึ่งต้นทุนในรูปแบบที่จับต้องได้จะเกิดขึ้นได้นั้นบางคนอาจจะมีน้อย แต่ต้นทุนที่อยู่ในตัวเองหากมีน้อยหรือไม่มีเลย เราก็สามารถที่จะพัฒนาให้มีขึ้นมาได้หากเปิดใจให้กว้างและพร้อมจะเรียนรู้ และอย่างที่กูรูด้านการลงทุนอย่างวอร์เรน บัฟเฟต์ ได้เคยกล่าวไว้ว่า "การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด คือ การลงทุนกับตัวเอง" และการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในการทำธุรกิจขายตรงอย่างยั่งยืน คือ การลงทุนกับระบบและคนเพื่อ

จริงที่ต้นทุนของเราไม่เท่ากัน แต่หากมองเห็นคุณค่าตนเองมากพอและเชื่อมั่นในการพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้เต็มที่ ผมเชื่อว่าเราจะไม่ได้สำเร็จแค่ธุรกิจขายตรงเท่านั้น หากอยากจะต่อยอดสู่ความสำเร็จด้านอื่นๆก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป


วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

ถ้ามีใครมาชวนทำขายตรงให้ถามไปว่า......


   


      ผมเชื่อว่ามีหลายๆคนที่เข้ามาอ่าน blog นี้อาจเคยถูกชวนทำขายตรงในรูปแบบต่างๆ (ผมเน้นที่ขายตรงถูกกฎหมายนะครับ) หรือบางคนอาจเฉียดๆมาแบบเขามาชวนคนข้างๆ แล้วเราอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลายคนยังอาจลังเล กลัวกับภาพลบๆของขายตรงสายดำ ซึ่งแอบอ้างเอาขายตรงบังหน้ามากกว่า และมือใหม่ที่กำลังจะหัดขายตรงหลายคนสงสัยว่า ถ้าฉันจะทำขายตรงที่ไหนสักแห่ง ฉันจะเริ่มตรงไหน.....

       ผมขอตอบอย่างไวเลยครับว่า เราต้องเริ่มที่ คำถาม?

       คำถามที่ใช่ นำไปสู่คำตอบที่ใช่ คำถามที่ไม่ใช่นำพาไปสู่ทางมืดมิด....

       ก่อนตัดสินใจทำขายตรงเรามาใช้คำถามสำคัญในการพิจารณาเพื่อตัดสินใจลงมือทำขายตรงอย่างถูกต้องและประสบความสำเร็จได้จริงๆ


ถามตัวเอง......

  • เรารู้จักตัวเองดีพอหรือยัง ?
  • เป้าหมายในชีวิตของเรา คือ ?
  • เรามีดีตรงไหน ?
  • เราคิดยังไงกับคนรวย ?
  • เราตัดสินใจมาทำขายตรงเพื่อ ?
  • เรามีความรู้เรื่องขายตรงมากน้อยแค่ไหน ?
  • ทัศนคติที่มีต่อขายตรง คือ ?
  • เรามีความอดทนต่ออุปสรรคมากเพียงใด ?
  • เราพร้อมจะเป็นแก้วที่ว่างเปล่าตลอดเวลาได้ไหม ?
ถามคนที่ชวน.....
  • ทำไมคุณถึงทำขายตรง ?
  • เป้าหมายในชีวิตคุณคือ ?
  • คุณใช้หลักอะไรในการดำเนินธุรกิจและบริหารชีวิต ?
  • บริษัทที่คุณทำอยู่มีดีตรงไหน ?
  • คุณประทับใจผลิตภัณฑ์ตัวไหน ?เพราะอะไรถึงประทับใจ ?
  • แผนรายได้ของบริษัทที่คุณทำอยู่ มีจุดเด่นอะไร ?
  • นโยบายในการบริหารทีมงานของคุณ คืออะไร ?
  • คุณจะแนะนำผมให้สำเร็จได้ ตามศักยภาพที่ผมมีอยู่ได้อย่างไร ?
      คำถามเริ่มจากตัวเองให้ได้ครับ จึงจะเริ่มไปถามคนอื่น คำตอบไม่มีสำเร็จรูปนะครับแล้วแต่วิจารณญาณของทุกท่าน ซึ่งข้อดีของคำถามเหล่านี้ คือ จะทำให้เรามองข้ามพ้นจากเปลือกนอกที่เขาขับรถหรู มีบ้านหลังใหญ่มาอวดคุณได้ครับ 

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

สมการแห่งความสำเร็จในการทำขายตรง

หากเรากำลังหลงทางกับสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ด้วยความต้องการที่แวดล้อมยัดเยียดให้เราต้องเป็นแบบนั้น ผมมองว่าเรากำลังเสียเวลานะ ลองหยุดทบทวนอีกครั้งถึงเป้าหมายและความต้องการที่แท้จริง แนวทางที่ถูกต้อง และผลลัพธ์ที่ทำให้เรามีความสุขได้ทุกวัน

ในภาวะที่สงบเงียบพอสมควร ผมได้คิดถึงอะไรหลายๆอย่างที่ผ่านมา และสมองน้อยๆของผมก็เริ่มประมวลผล........

หากจะนึกถึงแนวทางการทำขายตรงตามที่ผมได้สังเกตที่ผ่านมานั้นมีลักษณะแบบนี้ครับ
อัตตา(ความโลภ) + รวยโคตร + แนวทางที่รวยเร็ว = ?

? คือ จะเป็นอะไรก็ได้แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่จะถึงตรงนั้น
หากเริ่มต้นด้วยการขายผลลัพธ์ที่ดูเกินจริง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ การท่องเที่ยว เงินเป็นล้านๆ ภายในเวลาสั้นๆ จนคนฟังเหมือนโดนสะกดจิต และเราก็หลงกับสิ่งที่ได้รับฟังโดยขาดการวิเคราะห์ จนลงไปในหลุมล่อไปกับข้อความที่ว่า ลงทุนแล้วรอรวยได้เลย หากเราตัดสินใจทำขายตรงด้วยสมการข้างต้นและคำพูดสะกดจิตเหล่านี้ ผมบอกได้เลยว่าคิดผิดครับ ผิดอย่างมหันต์

นักโม้ติเวตมืออาชีพมักจะใช้อารมณ์และบรรยากาศที่เกินจริงมาหลอกล่อจนเราต้องหลงทาง หลงทางและลืมไปว่า การทำธุรกิจในโลกนี้ไม่มีธุรกิจไหนที่ลงทุนแล้วนั่งรอที่บ้านแล้วจะรวยได้ หรือยิ่งลงทุนเยอะยิ่งรวยเร็ว



หากเราจะวิเคราะห์กับแบบผ่าให้เห็นกึ๋น เราเคยสังเกตไหมว่า นักโม้ติเวตเหล่านั้นมักจะพูดถึงแต่ความร่ำรวยของตัวเอง บางคนก็โอเคครับมีเหตุและผลรองรับ แต่บางคนพูดจนน้ำท่วมโลกหาทางไปกันไม่เป็นก็มี เคยเห็นใครไหมที่จะพูดว่า เราจะได้อะไร? เราจะทำอย่างไร? ต้องเหนื่อยแค่ไหน? ต้องเรียนรู้มากแค่ไหน? ต้องอดทุนมากแค่ไหน? ต้องมองบวกมากแค่ไหน? จึงจะสำเร็จได้......

สิ่งที่ผมสังเกตเห็นเกี่ยวกับความสำเร็จแบบระยะยาวนั้น เขามักใช้สมการเช่นนี้ในการดำเนินงาน
แบ่งปัน + ใจกว้าง + เรียนรู้ + ถ่อมตน + ช่วยเหลือให้คนอื่นสำเร็จ = ความสำเร็จ

หากสังเกตและวิเคราะห์สมการนี้ให้ชัดและลึก จะพบว่า เป็นสมการที่นึกถึงผลประโยชน์คนอื่นเป็นหลั กเป็นสมการของการให้ เชื่อมั่นว่าหลายๆท่านที่ทำขายตรงมาหลายๆปี และหากเข้าใจถึงปรัชญาหรือหลักการของขายตรง ที่จริงๆแล้วเป็นธุรกิจที่เน้นหลักสำคัญ คือ การแบ่งปัน การช่วยเหลือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ระลึกเสมอว่าคนที่เราชวนเข้ามาทำธุรกิจขายตรงนั้น ก็มีความหวังและอยากสำเร็จเหมือนเรา

โชคดีที่เรา คือ  ขายตรงมือใหม่ที่มีเวลาพอจะปรับ mindset เรื่องการทำขายตรงให้กว้างไปกว่าความเห็นแก่ตัว แล้วมองให้เห็นไปถึงความหวังของคนอื่น เพื่อที่จะใช้การแบ่งปัน ช่วยเหลือให้เขาประสบความสำเร็จได้

และผมเชื่อมั่นว่าสมการที่ 2 นี้จะช่วยให้ความสำเร็จหรือความร่ำรวยกระจายสู่เครือข่ายได้อย่างเท่าเทียมและทุกคนสามารถมีความสุขกับการทำขายตรงให้ประสบความสำเร็จได้

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่อยากเห็นวงการขายตรงเติบโตอย่างมีคุณภาพในเมืองไทย
หมายเหตุ : ทุกข้อความ คือ ความเห็นส่วนตัวนะครับ

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

แชร์ลูกโซ่กับขายตรงต่างกันตรงไหน?



กระแสของแชร์ลูกโซ่ช่วงนี้มาแรงมากๆ แรงจนกลบเกลือนแง่มุมดีๆของธุรกิจเครือข่ายขายตรงจนถึงกับเงิบไปเลยทีเดียว และบางคนที่มีเชื้อไม่ชอบขายตรงอยู่แล้วกลับเหมารวมว่าแชร์ลูกโซ่กับขายตรงคือ เรื่องเดียวกัน วันนี้ผมจะมาไขความกระจ่างเปรียบเทียบกันระหว่าง แชร์ลูกโซ่กับธุรกิจขายตรงแบบถูกกฎหมาย ช๊อตต่อช๊อตกันเลยนะครับ

ธุรกิจเครือข่ายขายตรงถูกกฏหมาย ?


  • จดทะเบียนกับสคบ.ถูกต้องตามกฏหมย เช็คได้ที่นี้
  • บริษัทมีตัวตนจริง / มีอาคารสถานที่มั่งคงถาวร(ไม่ใช่การเช่าชั่วคราวเพื่อพร้อมปิด) / เปิดดำเนินการมานานพอสมควร 3-5 ปีขึ้นไป
  • มีผลิตภัณฑ์ชัดเจนและราคาสมเหตุสมผลไม่แพงจนเกินไป
  • เน้นการซื้อขายกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคและการซื้อซ้ำ
  • รายได้ของนักธุรกิจส่วนใหญ่เกิดจากกำไรค้าปลีกและการบริโภคซ้ำของเครือข่ายผู้บริโภค
  • เติบโตสมเหตุสมผลไม่หวือหวาจนน่าสงสัย


ธุรกิจแชร์ลูกโซ่

  • ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องกับสคบ.
  • บริษัทไม่มีตัวตน / เช่าอาคารชั่วคราวในสภาพพร้อมปิดหนี อาจมีการอ้างว่าบริษัทแม่ที่เมืองนอกกำลังดำเนินการเพื่อมาเปิดดำเนินการในไทย / เปิดดำเนินการมาได้ไม่นานนัก
  • มีผลิตภัณฑ์ไม่ชัดเจน หรืออาจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่จับต้องไม่ได้ เช่น บัตรสมาชิก,การบริการ ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เจ้าของบริษัทที่ตั้งใจจะหลอกลวงหลบหลีกได้ง่าย
  • ตั้งราคาผลิตภัณฑ์สูงเกินไปจนผิดปกติ
  • เน้นการหาสมาชิกใหม่ๆ และต้องลงทุนสูง เพื่อนำเงินมาจ่ายคนเก่าที่ชวนกันมา
  • รายได้เกิดจากการขายฝันแบบเกินความจริง และหลอกให้คนใหม่มาลงทุนด้วยความโลภ
  • เติบโตเร็วจนผิดปกติ
เมื่อเข้าใจข้อเปรียบเทียบระหว่างแชร์ลูกโซ่และขายตรงแบบถูกกฎหมายคร่าวๆแบบนี้แล้ว ต่อไปนี้เราคงตัดสินใจที่จะทำธุรกิจขายตรงอย่างเชื่อมั่นและยิ่งมองเห็นมุมดีๆของขายตรงมากขึ้น ผมมักคิดอยู่เสมอว่าขายตรงมีหลักการและปรัชญาที่ยอดเยี่ยมากๆแต่ปัญหา คือ คนจะนำมาใช้ประโยชน์แบบไหน ถ้าดีก็ดีไปแต่ถ้านำมาหลอกลวงคนอื่นผมถือว่าเป็นอาชญากรรมนะครับ ไม่ใช่ขายตรง

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

โรคลืมปรัชญาขายตรง




ชีวิตที่มีแกนเป็นหลักยึด มีจุดยืนที่แน่นอน หากมีอุปสรรคถาโถม ย่อมจะยังยืนหยัดอยู่ได้ แต่หากไร้แกนหลัก แค่เพียงลมปากเบาๆก็พังทลายได้ในพริบตา

ผู้ที่เริ่มเข้าสู่ธุรกิจขายตรงช่วงแรกๆ มักจะถูกปลูกฝังให้เรียนรู้ถึงปรัชญาขายตรงแบบซ้ำแล้ว ซ้ำอีก บางครั้งฟังจนท่องจำได้ขึ้นใจเลยทีเดียว ซึ่งจริงๆแล้วหลักปรัชญาขายตรงนั้นเป็นไปในแง่ดีมากๆ โดยรวม คือ สื่อไปถึงเรื่องของการรู้จักแบ่งปัน ช่วยเหลือ แชร์ประสบการณ์ และต่อยอด มองความสำเร็จของคนอื่น คือ ความสำเร็จของเรา

ปัจจุบันธุรกิจขายตรงถูกนำมาปรับใช้ในหลากหลายรูปแบบ ในทางดีๆก็มีมากมาย แต่ในทางที่ไม่ดีมีเจตนาบิดเบือนปรัชญาขายตรง เพื่อผลประโยชน์ต่อตนเองก็มี และประเภทหลังกลับเป็นข่าวดังโดยไม่ต้องจ้างออกสื่อ จนทำให้วงการขายตรงถูกมองแบบติดลบลงไปเรื่อยๆ คนประเภทหลังนี้กำลังติกเชื้อโรคที่เรียกว่า "โรคลืมปรัชญาขายตรง" ซึ่งกำลังแพร่อย่างรวดเร็วในวงการขายตรงยุคปัจจุบัน

อาการของคนติดโรคลืมปรัชญาขายตรง มักจะถูกเชื้อแห่งความโลภแทรกซ้อนกัดกินความเมตตา ทำลายการแบ่งปัน มองขายตรงเป็นเพียงเครื่องหลอกลวงสูบเงินจากประชาชนตาดำๆ เชื้อเหล่านี้จะค่อยๆกัดกินระบบขายตรง หากไม่มีวัคซีนหรือยาแก้ที่ดี ขายตรงจะถูกมองแย่ลงเรื่อยๆต่อไป

วัคซีนและยาแก้ที่ดีของขายตรงในมุมมองของผม คือ back to basic การย้อนกลับไปทบทวนปรัชญา แล้วเทียบเคียงสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ว่าตรงกันหรืออยู่ในร่องในรอยของปรัชญาขายตรงมากน้อยเพียงใด และเราเองก็ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ต่อยอดสู่การทำขายตรงให้ทันยุคทันสมัย และที่สำคัญ คือ มีคุณธรรมเป็นแกน เพื่อให้เกิดการทำขายตรงอย่างยั่งยืนต่อไปอีกด้วย

มือใหม่หัดขายตรงและเราชาวขายตรงทั้งหลายมาร่วมสร้างสังคมดีๆของขายตรง ป้องกันโรคลืมปรัชญาขายตรงกันเถอะ