วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อะไรที่มากกว่า "ความสำเร็จ" ?

หลุมแห่งความสำเร็จจะลึกเท่ากับความหลงที่เรายึดติดอยู่กับความสำเร็จนั้น
นักขายตรงมือใหม่ทั้งหลายโปรดฟังทางนี้ !
แรงจูงใจที่ผลักดันให้ทุกท่านเข้าสู่วงการขายตรง แน่นอนว่าพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ความสำเร็จ" หากแปลงเปลี่ยนความสำเร็จเป็นรูปธรรม ความสำเร็จ จะมองเห็นเป็น เงิน บ้าน รถ หรือความสุขใดๆที่ท่านปรารถนา 
สิ่งที่น่ากลัวมิใช่ตอนที่ยังไม่สำเร็จ แต่สิ่งที่น่ากลัว คือ เมื่อสำเร็จแล้วจะไปยังไง จะรักษาความต่อเนื่องของความสำเร็จได้อย่างไร?
เคยได้ยินนักปราชญ์กล่าวไว้ว่า
"การเป็นแชมป์นั้นมันยาก แต่การรักษาแชมป์มันยากกว่ามาก"
นักขายตรงมือใหม่ทั้งหลาย หากท่านเข้าสู่วงการขายตรงสักพักรับรองว่า ท่านจะไม่พลาดที่จะได้ยินประโยคที่พร่ำเพ้อซ้ำแล้ว ซ้ำอีก คล้ายฟังแผ่นเสียงตกร่อง ของอดีตผู้ประสบความสำเร็จในวงการขายตรง ทุกครั้งที่เขาเหล่านั้นสาธยายท่านจะต้องนั่งทนฟังจนกว่าเขาจะเล่าจบ เรื่องยาวปานนวนิยายทำให้ท่านเคลิบเคลิ้มจนเหมือนความฝันอันเลือนรางในภาวะปัจจุบัน เพราะอะไรนั่นหรือ?

บริบทที่เปลี่ยนไป สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ย่อมส่งผลต่อรูปแบบความสำเร็จที่เปลี่ยนไปเช่นกัน  บางทีวิธีการเดิมๆ อาจใช้ไม่ได้กับบริบทใหม่ๆ ได้โปรดยอมรับกับการทำตัวให้เป็นเด็กที่เปิดใจกว้างที่จะเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อย่ากักขังตนเองไว้ในกรงขังแห่งมายาคติแห่งความสำเร็จแบบเดิมๆอีกเลย

นักขายตรงมือใหม่ทั้งหลายเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว จงบอกตัวเองเสมอว่าไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปตามกระแสแห่งโลกความเป็นจริง จงทำตัวให่เป็นนักขายตรงมือใหม่เปิดใจใสๆรับทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาแล้วท่านก็จะพบว่าความสำเร็จที่แท้จริงแล้วอยู่ที่เรามอง

โดย
ภาสกร  ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการบจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค


วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ดำเนินชีวิตด้วยคำถามสำคัญ

ดำเนินชีวิตด้วยคำถามสำคัญ
ถ้าไม่ถามจะรู้ได้ยังไง?

เมื่อก่อนอยู่ในห้องเรียน เรามักได้คำตอบสำเร็จรูปหลายๆอย่าง ไม่มีทางเลือกพอที่จะสงสัย ใครตั้งคำถามเป็นเจ้าหนูจำไม จะถูกคุณครูและเพื่อนๆมองด้วยสายตาแปลกๆ

พอออกมาใช้ชีวิต บางคนถึงกับตกใจกับชีวิตที่แท้จริงแล้วไม่มีอะไรสำเร็จรูป  เฝ้าแต่หาคำตอบสำเร็จรูปจนลืมที่จะมองไปถึงวิธีการตั้งคำถาม ซึ่งจริงๆแล้วคำตอบทุกคำตอบย่อมมาจากคำถาม คำถามดี คำตอบก็เป็นไปในทางที่ดี คำถามไม่ดี อาจจะนำทางไปสู่คำถามที่ไม่ดีได้เช่นกัน

ในโอกาสเข้าสู่ปลายปีและจะก้าวสู่ปีใหม่ นักขายตรงมือใหม่ทั้งหลายโปรดพึงระลึกถึงคำถามสำคัญ ที่จะนำไปสู่คำตอบที่สำคัญอันจะนำพาเราสู่ความสำเร็จได้อย่างแท้จริงดังนี้

@ ตอนนี้เราอยู่ตรงจุดไหน ห่างจากเป้าหมายมากน้อยเพียงใด?
@ ข้อผิดพลาดที่ผ่านมามีอะไรบ้าง? เราควรจะแก้ไขตรงไหน?
@ เราต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมบ้าง เพื่อเป็นการพัฒนาตนเอง?
@ กลยุทธ์หรือวิธีการไปสู่ความสำเร็จในปีหน้า ?
@ เครื่องมืออะไรบ้างที่เราจะเตรียมไว้เพื่อสนับสนุนความสำเร็จ?
@ สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ "ครอบครัวยังรักกันมากขึ้นไม?" "เพื่อนมีเพิ่มขึ้นหรือไม่?" "สุขภาพดีขึ้นมากแค่ไหน?" "รายได้มากขึ้นหรือไม่" และคำถามสำคัญ คือ 
"ยังมีความสุขดีหรือเปล่า?"
คำถามสำคัญ นำไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
ขอให้นักขายตรงมือใหม่ขายตรงทุกท่านมีความสุข มีกำลังสติ มีกำลังใจมากขึ้นในปี 2557 นี้  
สวัสดีปีใหม่ครับ

โดย
ภาสกร  ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการบจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค


วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ทบทวนแล้วก้าวไป นักขายตรงมือใหม่หัวใจไม่ย่อท้อ

     ถ้าเปรียบวันเวลาเหมือนกระแสน้ำ เราคงต้องเรียนรู้กับกระแสน้ำให้มากขึ้น เพราะถึงจุดที่เรายืนเป็นจุดเดิม แต่อย่าลืมว่ากระแสนำ้ คือ เรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

เพลอแป็บเดียววันเวลาผ่านไปเกือบๆอีกหนึ่งปี ช่วงเดือนสุดท้ายของปีผมมองว่าเป็นช่วงเวลาดีๆที่เปิดโอกาสให้เราได้ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา ซึ่งอาจพบพานกับเรื่องที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง สิ่งเหล่านี้นับว่ามีค่าทั้งนั้นถ้าเรามองเห็นคุณค่าของมันจริงๆ

นักขายตรงมือใหม่ทั้งหลาย หากเราได้ลงมือทำสิ่งใดๆลงไปแล้ว จงระลึกเสมอว่า สิ่งเหล่านั้นไม่มีวันสูญเปล่า หากเราได้มีเวลามานั่งทบทวนว่าสิ่งที่ทำมันส่งผลในความสำเร็จมากน้อยขนาดไหน หากสิ่งใดที่ยิ่งทำยิ่งพาตนไปสู่ความเสื่อมก็ขอจงถอยมาไต่ตรองและตั้งเป้าว่าเราจะปรับปรุงสิ่งเหล่านี้ให้ดีขึ้นในปีถัดไป แต่หากสิ่งใดที่เราแล้วดี ก็จงอย่างหยุดทนงในคำว่า ดี เพราะยังมีสิ่งที่ ดีกว่ารออยู่ข้างหน้า อย่าประมาท

หากทบทวนแล้ว ตั้งใจที่จะเติมสิ่งด้อย เสริมส่วนดีให้ดีกว่าเก่า ท่านจะไม่เสียดายเวลาเลย หากปีหน้าเดินทางมาถึง จริงไม?
    
       เป็นกำลังใจให้นักขายตรงมือใหม่ทั้งหลายได้ก้าวต่อไปด้วยหัวใจอันเข้มแข็ง จากการหล่อหลอมผ่านคืนวันนับเป็นปีที่ผ่านมา สู้ตราบเท่าที่เรายังมีพลังแห่งความศรัทธาแบบไม่รู้จบต่ออาชีพเครือข่ายขายตรงตลอดไป

เขียนโดย
ภาสกร  ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการบจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค


วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความสำเร็จของเรา = ความสำเร็จขององค์กร

ความสำเร็จของเรา = ความสำเร็จขององค์กร
ความสำเร็จของการทำธุรกิจเครือข่ายขายตรง แท้จริงมาจากการสร้างความสำเร็จให้กับคนใต้องค์กร หากคิดเห็นแก่ตัวมองไม่พ้นตนเอง ไม่สนใจองค์กร ความสำเร็จยิ่งจะห่างไกลออกไปทุกที

การทำธุรกิจเครือข่ายขายตรง หลายคนอาจมองว่า เป็นอาชีพที่ทำให้รวยได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาสองถึงห้าปี บางท่านอาจจะมองเห็นฉากหน้าอันสวยหรูของผู้สำเร็จ แต่ท่านเคยตั้งคำถามไมว่า วิธีการของความสำเร็จของเขาเหล่านั้น ต้องฝันฝ่าอุปสรรคอันใดมาบ้าง?
หลายๆท่านที่เข้ามาในวงการธุรกิจเครือข่ายขายตรง คาดหวังอย่างสูงว่า ฉันมาทุนแล้วจะต้องได้เงินกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ช่วงแรกขยันชวนคนเก่งมาก ชวนๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็ชวน พอเขาตัดสินใจสมัครเข้าร่วมเครือข่ายกับคุณ คุณยิ้มออก เพราะนั้น คือ ค่าแนะนำหรือ sponser bonus นั้นเอง 
แต่ช้าก่อน.....เวลาผ่านไปท่านอาจชวนคนได้น้อยลง จนเกิดอาการท้อใจ รายได้ไม่เกิด แล้วสุดท้ายก็เบื่อแล้วเลิกไป ซ้ำร้ายยังโทษว่าธุรกิจขายตรง ไม่ดี ไม่ได้พาฉันรวยจริงๆหรอก แล้วก็บอกต่อไปอีกเป็นสิบๆคนจนกลายเป็นเรื่อง มองขายตรงในภาพลบไปอีก
นักมือใหม่หัดขายตรงทั้งหลายฟังทางนี้ ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีแน่นอน ก่อนทำขายตรงมาปรับทัศนคติกันให้ชัดเจนว่า ก่อนเข้ามาทำขายตรงจงอย่าใช้ความโลภนำทางเข้ามา มองเห็นแต่เงินจนไม่เห็นวิธีการหาเงินระยะยาว ช่วงแรกของการทำธุรกิจขายตรงคือ การชวนคนมาขยายเครือข่าย รายได้ดูเป็นกอบเป็นกำจากค่าแนะนำทำให้คุณอาจจะหลงใหลได้ปลื้มจนลืมไปว่า คนที่ท่านชวนมาก็อยากรวย อยากสำเร็จเหมือนท่านเช่นกัน ฉะนั้น หน้าที่ต่อไปของท่านหลังจากชวนคน คือ การสร้างเขาเหล่านั้นให้สามารถขยายองค์กรเป็นเหมือนท่านเช่นกัน
ท่านจะต้องสร้างเขาให้ภาคภูมิใจในศักยภาพตนเองและสามารถดึงศักยภาพตนเองมาใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ท่านต้องพาเขาเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ที่ทีมหรือบริษัทต่างๆจัดให้ เพื่อจะได้ชวนคนเป็น จัดประชุมเป็น รวมถึงพัฒนาศักยภาพผู้นำ เพื่อให้ดูแลรักษาคนเป็นให้ได้
หากวิเคราะห์กันให้เห็นชัดๆท่านจะพบว่า ความสำเร็จของท่านในการทำธุรกิจเครือข่ายขายตรง แท้ที่จริงคือ ความสำเร์จของทีมงานหรือองค์กรที่ท่านชวนเขามานั้นเอง ฉะนั้นก่อนจะลงมือทำขายตรงท่านต้องถามตนเองก่อนว่า ท่านพร้อมหรือยังที่นำพาทุกคนที่ท่านชวนมาไปสู่ความสำเร็จได้จริงๆ หากยังตอบคำถามนี้ไม่ได้ อย่าคิดแม้แต่จะสมัครเข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายขายตรง ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม

เขียนโดย
ภาสกร  ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการบจก.ริชไทม เน็ตเวิร์ค


                                       

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คิดแบบmlm ทำแบบซื้อมาขายไป ยังไงละทีนี้?

     ใช้ตะเกียบไปตักน้ำซุป เมื่อไหร่จะได้กิน?

        หลายๆคนชอบบ่นเรื่องของการใช้เครื่องมือแบบผิดๆ ไม่ถูกที่ถูกทาง จนกลายเป็นความผิดพลาดแล้วกลับไปโทษเครื่องมือนั้นว่า ไม่ดีอย่างโน้น ไม่ดีอย่างงี้ แต่แท้ที่จริงแล้วกลับกลายเป็นว่าเราใช้เครื่องมือแบบผิดที่ผิดทางซะเอง
       ปัญหาอย่างหนึ่งที่ผมเห็นได้อย่างชัดเจนเรื่อง การทำขายตรงโดยเฉพาะที่เป็นลักษณะขายตรงแบบหลายชั้น หรือ MLM คือ การมองแบบผิวๆจากภายนอกว่า หากเราขายเก่งๆ มีเงินทุนหนาๆ เราก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จในการทำขายตรง MLM ได้ นักขายตรงมือใหม่พึงระวังอย่าติดกับดักเรื่องนี้ มิฉะนั้นท่านจะสูญทั้งเงินและแรง และเสียทั้งความรู้สึกแบบไม่สามารถนำคืนกลับมาได้
      ความเข้าใจไม่ผิดแต่ใช้ไม่ถูกที่ ที่ใช้ความคิดแบบซื้อมาขายไปหรือซิงเกิล มาใช้กับขายตรงmlm หลายๆอย่าง เช่น ต้องขายของตลอดเวลา ต้องเปิดหน้าร้าน ต้องลงทุนทำสื่อโฆษณาโดยเฉพาะ ป้าย ลงทีวีเคเบิล หรือวารสาร เป็นต้น สิ่งทีกล่าวถึงนี้จะดีมากๆในการทำธุรกิจแบบซิงเกิล แต่หากมาใช้กับการทำขายตรงmlm อาจจะต้องพิจารณากันใหม่ครับ
      อย่าหลงประเด็นนะครับ การทำขายตรงmlm รายได้ที่เป็นหลักจริงๆไม่ได้มาจากการค้าปลีก แต่ที่เป็นกอบเป็นกำ อยากให้โฟกัสคือ รายได้ที่เกิดจากการขยายและบริหารสายงาน เพราะอย่าลืมว่ารายได้จากการขายสินค้า 100 บาทของระบบขายตรงเงิน 20-30 บาทจะถูกจ่ายเป็นค่าเหนื่อยในการทำตลาด หาคน บริหารคน ฉะนั้น หากเราเอารายได้ส่วนนี้ไปทุ่มเทเรื่องสื่อโฆษณา หน้าร้าน มากเกินไป(ตามสูตรการขายแนวซิงเกิล) แล้วเราจะเอาอะไรรับประทานกันละครับพี่น้องงงง
      ปรับทัศนคติจากการทำธุรกิจแบบซิงเกิล มาทำแบบขายตรง mlm เราต้องไปเน้นกระบวนการหาคนและสร้างคนเพื่อส่งผลต่อการขยายองค์กร และบวกกับปลูกฝังวัฒนธรรมการบริโภคซ้ำ สิ่งนี้จะส่งผลต่อความยั่งยืนของรายได้ต่อไป ฉะนั้นเงินที่ได้มาจากทำขายตรง ควรจะเน้นการนำมาใช้ในเรื่องการดูแลคน บริหารคนในองค์กร สร้างระบบให้เขาทำงานเป็น ยกระดับเป็นผู้นำให้ได้ สิ่งนี้จึงจะเป็นการลงทุในแบบขายตรง mlm อย่างถูกจุด
     โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ เพราะสิ่งนี้คือความปรารถนาดีต่อทุกๆท่าน อยากให้ท่านแยกแยะและใช้ความพยายามให้ถูกวิธี ถูกทาง จึงจะเกิดผลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  มีเงินเยอะแต่ใช้วิธิผิดเงินก็หมดได้ครับ แล้วจะไม่ได้เสียใจทีหลัง

เขียนโดย
ภาสกร  ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการบจก.ริชไทม เน็ตเวิร์ค

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คิดทำขายตรงด้วยหัวใจผู้ประกอบการ

        ทำด้วยความจริงจัง จริงใจ ทำให้เป็นเหมือนชีวิตเรา สิ่งนั้นย่อมประเสริฐสุด และสมแล้วที่จะสำเร็จอย่างเต็มภาคภูมิ
     หากท่านตัดสินใจที่จะทำสิ่งใดเพื่อความสำเร็จ อย่าคิดเผื่อ อย่าคิดเล่นๆ อย่าคิดแบบสังสัยอย่างไม่รู้จบ หากมั่นใจแล้วจงอย่างลังเล ทุ่มเทสักตั้ง ทำให้สุดชีวิตเท่าที่มี
      นักขายตรงมือใหม่ทั้งหลาย จงอย่าล้อเล่นกับความสำเร็จ หากจะเอาดีทางนี้แล้ว เต็มที่ ใส่เกียร์เดินหน้าอย่างเดียว หักเกียร์ถอยหลังทิ้งซะ 
      เราทนทรมานกับงานบางอย่างใช้เวลา 10 ปี 20ปี หรือมากกว่านั้น เพื่อจะทำอะไรบางอย่างให้ชีวิตคุณดีขึ้น แต่หากมีทางเลือกบางอย่างที่ใช้เวลาน้อยกว่า อาจจะ 2-5 ปี ก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จทำชีวิตให้ดีขึ้นได้ หากเราได้ทุ่มเทกับธุรกิจขายตรงแบบเต็มที่ ด้วยหัวใจของผู้ประกอบการ มาดูกันครับว่า การทำขายตรงด้วยหัวใจผู้ประกอบการ ทำอย่างไร? แบบไหน?

          1.ตอกย้ำตัวเองอยู่เสมอว่า "นี้คือธุรกิจแห่งความรับผิดชอบตัวเอง" ลงทุน วางแผน ดำเนินการ ประเมินผลล้วนแล้วเกิดจากตนเองทั้งสิ้น อย่ามัวแต่โทษแต่คนอื่น
          2.วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมากกว่า "เงิน" ท่านต้องมองว่า การเข้าสู่วงการขายตรง คือ การพัฒนาตนเองให่สุดยอด และที่วำคัญ คือ นำพาชีวิตคนอื่นให้ดีขึ้นเหมือนกับท่านให้ได้ เปลี่ยนศนคติใหม่ จากที่คิดว่าการไปชวนใครทำขายตรง เพื่อหวังผลประโยชน์จากเขา เป็น ไปให้โอกาสเพื่อทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น มีเงินใช้มากขึ้น รักครอบครัวมากขึ้น
         3.กล้าเสี่ยง กล้าได้กล้าเสีย บางครั้งธุรกิจก็ต้องมีบ้าง แต่ขายตรงความเสี่ยงไม่มากขนาดนั้น แต่บางครั้งก็ต้องตัดสินใจเสี่ยงเพื่อให้ได้สิ่งดีๆกลับมา
         4.กล้าคิดต่าง แม้เราจะเข้าสู่วงการขายตรงที่เต็มไปด้วยบริษัทเปิดใหม่ ผลิตภัณฑ์และแผนการตลาด ที่คล้ายๆกัน แต่ตัวเราเองสามารถที่จะสร้างความต่าง ผ่านระบบที่เราสร้างขึ้นมาเองได้
         5.อึดให้มากพอ ทำแบบนักวิ่งมาราธอน วิ่งไปข้างหน้าอย่าหยุด ทุกๆธุรกิจรวมถึงธุรกิจขายตรง ต้องอาศัยความอึดให้มากเพื่อแลกกับความสำเร็จ โดยเฉพาะช่วง 3-6 เดือนแรก ท่านอาจต้องเผชิญปัญหาหนักอึ้งมากมาย แต่ถ้าผ่านมาได้ท่านจะแกร่งขึ้นและสำเร็จแน่นอน
         6.เรียนรู้ให้มากพอ จริงๆแล้วขายตรงเป็นธุรกิจที่มีความพิเศษเฉพาะตัว ปัญหาเกิดขึ้นทุกวัน เพราะเป็นอาชีพที่แปรปรวนไปตามอารมณ์คน คิดจะไม่ทำเลิกไปเฉยๆโดยไม่ต้องยื่นใบลาก็ได้ ฉะนั้นท่านจะต้องเรียนรู้พัฒนาตนเองเพื่อรับกับสถานการณ์ต่างๆให้เท่าทัน เรียนรู้มากปัญหาแก้ง่าย เรียนรู้น้อย ยากทุกเรื่อง
         7.ความคิดสร้างสรรค์ สร้างนวตกรรมใหม่ๆ คล้ายๆกับเรื่องความคิดต่าง แต่ท่านจะต้องมีสมองสร้างสรรค์เพื่อคิดหาทางใหม่ๆที่จะหาคน สร้างคน รักษาคนในการทำขายตรงให้ได้ บริษัทมีเป็นพันๆ แต่ต่างกันที่ความคิดสร้างสรรค์
          8.ทำด้วยความกระตือรือร้น เหมือนกับว่า ทุกวันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ทำให้เป็นชีวิตจิตใจ ด้วยความหลงใหลและความรักที่ทุ่มเทให้ทุกอย่าง
         9.จรรยาบรรณและสำนึกรับผิดชอบที่เข้มข้น ข้อนี้ควรจะยึดเป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจขายตรง ในสภาวะปัจจุบันการตรวจสอบเป็นเรื่องเป็นวงกว้าง หากท่านทำไม่ดี ผิดจรรยาบรรณ เพียงแค่มีคนโพสในระบบโซเชียลเน็ตเวริ์ค อาชีพของท่านถึงกับจบลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นท่านจะดำเนิการใดๆ เช่น การโฆษณาผลิตภัณฑ์ หาสมาชิก สปอนเซอร์ สร้างองค์กร อย่าลืมที่จะใส่ใจเรื่อง กฎจรรยาบรรณมากๆ
หลักแห่งการทำขายตรงด้วยหัวใจผู้ประกอบการ 9 ข้อเพื่อชีวิตที่ก้าวหน้าในการทำธุรกิจขายตรง ฝากไว้เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนการตัดสินใจที่จะทำธุรกิขายตรงสำหรับนักขายตรงมือใหม่นะครับ 

เขียนโดย
ภาสกร  ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการบจก.ริชไทม เน็ตเวิร์ค


       

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ทำขายตรงให้เป็นหน้าที่ ความสำเร็จเป็นของเราแน่นอน

  ถ้าคนเราทำหน้าที่ เพื่อหน้าที่ โลกนี้คงไม่วุ่นวายขนาดนี้ (ระลึกได้จากคำพุทธทาส)

     ทักทายเหล่านักขายตรงมือใหม่ทุกท่านด้วยหลักคิดดีๆ เบื้องต้นที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะนำมาใช้พิจารณา ในการทำงานขายตรงให้ประสบความสำเร็จ
     เมื่อลงมือทำขายตรงหรืองานอะไรสักอย่าง เราต้องเริ่มต้นเรียนรู้และระลึกเสมอว่า  " หน้าที่" ของเรา คือ อะไร? 
    คำว่า "หน้าที่" ในความหมายของผม หมายความว่า สิ่งที่เราจำเป็นจริงๆที่ต้องลงมือทำ โดยที่เราไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธได้ อย่าเราทำขายตรงเราก็ต้องระลึกเสมอว่า เรามีหน้าที่อะไรบ้างที่จะสามารถส่งผลต่อความสำเร็จได้
   
   @ หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบตนเอง ลงทุนเอง  วางแผนเอง ลงมือเอง ไม่ต้องรอให้ใครสั่งการ
   @ หน้าที่ที่จะต้องลงมือศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง มีอีกหลายเรื่องที่เราไม่รู้ จงทำตัวเป็นคนไม่รู้อยู่ตลอดเวลา
   @ หน้าที่ที่จะต้องออกชวนคน  จากนั้นสร้างเขาให้ประสบความสำเร็จ และรักษาเขาไว้ตราบนานเท่านาน ระลึกเสมอว่า ผู้คนคือสินทรัพย์ที่มีชีวิตอันประเมินค่าไม่ได้
  @ หน้าที่ที่จะต้องปฎิบัติตามกฎจรรยาบรรณและยึดคุณธรรมอย่างเคร่งครัด ดังคำนักปราชญ์ที่ว่า จงเคร่งครัดกับตัวเอง แต่ผ่อนปรนกับผู้อื่น
  @ ไม่ว่าจะเป็นอัพไลน์  ดาวน์ไลน์ ไซด์ไลน์ จงดำเนินตามหน้าที่ของเราให้เต็มที่

   เมื่อนักขายตรงมือใหม่อย่างเราๆ ท่านๆตระหนักรู้ในหน้าที่ และทำหน้าที่ของตนเองให้เต็มความสามารถ ไม่มัวแต่นั่งจับผิดคนอื่น รับรองหน้าว่าจะไม่ออกอาการมานั่งเกี่ยงงอนกัน มานั่งบ่นเพ้อว่าฉันทำ ทำไมเขาไม่ทำ เสียเวลาเปล่า
     หากท่านปฏิบัติหน้าที่เพื่อหน้าที่อย่างจริงใจ ท่านย่อมจะมีความสุขทุกครั้งที่ลงมือ แม้มีเรื่องไม่ดีหรืออุปสรรคเกิดขึ้นบ้างท่านย่อมจะมองมันในแง่ดี  จนสิ่งเหล่านี้หล่อหลอมท่านเป็นคนสำเร็จอย่างมีคุณภาพต่อไป

เขียนโดย
ภาสกร  ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการ บจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อัดพลังจากภายในโมติเวต(เพื่อ)ตัวเอง

พลังอะไรจะยิ่งใหญ่เท่าพลังที่เกิดจากภายใน
        หนึ่งในปัจจัยที่มีส่วนช่วยส่งเสริมความสำเร็จ คือ แรงพลังผลักดันทั้งจากภายนอกและภายใน ซึ่งเช่ือมโยงไปถึงหลักแห่งการสร้างแรงจูงใจหรือ การโมติเวตนั้นเอง
        การโมติเวตส่วนใหญ่ที่พบเห็นบ่อยๆมักเกิดจากภายนอก เช่น โมติเวตผ่านโค๊ชปลุกพลังขั้นเทพ,หนังสือ,ซีดี หรือสื่อต่างๆ มีให้เลือกตามจริตของผู้ใฝ่หาความสำเร็จ ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานี้มักจะเป็นผลแบบไฟช็อตหรือฟ้าผ่าแบบโดนใจในชั่วโมงที่ตนเสพรับสื่อนั้นๆ เข้าทำนองว่า บรรยากาศมันพาไป ไฟไหม้ฟา แต่น้อยคนนักที่จะรักษาสภาพแห่งพลังไฟให้อยู่ได้นานพอที่จะสำเร็จได้จริง
       ฉะนั้นสิ่งที่กล่าวมาผมถือว่าแค่เป็นการเริ่มต้น แต่เรื่องต่อมาหลังจากเราออกจากห้องสัมนาหรืออ่านหนังสือ หรือฟังซีดีจบแล้ว คือ ท่านต้องนำสิ่งเหล่านี้มาประมวลผล คิด พิจารณาอย่างต่อเนื่องว่าสิ่งใดจะนำมาใช้เป็นปัจจัยต่อยอดสู่ความสำเร็จของเราได้อย่างแท้จริง และที่สำคัญ คือ ทำอย่าไรเราจึงจะโมติเวตตัวเองได้อย่างต่อเนื่องได้แบบแรงดีไม่มีตก
      ซึ่งผมเองก็จะมีไอเดียการโมติเวตตนเองจากประสบการณ์ที่ใช้แล้วได้ผลอยากจะนำมาแบ่งปันกันตรงนี้ครับ
     @ คิดถึงคุณค่าของเงินที่คุณลงทุนไปร่ำเรียนมา ซื้อหนังสือมาอ่าน หมดไปมากน้อยเท่าไร หากเรีนแล้วไม่นำมาลงมือทำผมถือว่าขาดทุนเห็นๆครับ
    @ ถ้าเราคิดว่าทำอะไรๆ เพื่อตนเองทั้งนั้นแรงจูงใจจะน้อยกว่าและไม่ต่อเนื่อง พยายามคิดถึงสิ่งที่เรารักและศรัทธามากๆครับ รับรองว่าท่านจะมีแรงฮึดแบบไม่ตกจริงๆ
   @ พยายามหาสัญลักษณ์ตัวแทนแห่งแรงบันดาลใจมาตกแต่งรอบตัว มองไปทางไหนก็มีแต่แรงบันดาลใจ เช่น ภาพไอดอลของเรา วลีเด็ดที่เป็นพลังบวก
   @ พาตัวไปอยู่ในสังคมคนมีไฟอย่างต่อเนื่อง
   @ ให้กำลังใจตนเอง ชื่นชมตนเอง ยอมรับตนเองจนเป็นนิสัยถาวรให้ได้

     ทั้ง 5 ปัจจัยที่กล่าวมาจะช่วยให้พลังภายในของท่านได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ พลังโมติเวตจากภายในจะทำงานแบบต่อเนื่องจนนำพาคุณไปสู่ความความสำเร็จแน่นอน

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อยากสำเร็จต้องเก่งรอบด้าน

   อย่าจำกัดตัวเองด้วยคำว่า "เฉพาะทาง" แล้วไม่พยายามเรียนรู้เพิ่มเติม นั่นคือ คุณกำลังปิดทางก้าวหน้าของตัวเอง
      ยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่มีหน่วยวัดเป็นระดับวินาที การเรียนและปรับตัวเพื่อความอยู่รอดเป็นสิ่งสำคัญจนถึงขนาดว่ามีศาตร์การบริหารการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
      ผู้ที่จะอยู่รอดได้ในปัจจุบันจะจำกัดตนเองให้เก่งด้านเดียวคงไม่ทันกลับสิ่งที่เปลี่ยนไป ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเก่งให้รอบด้านมากขึ้น
      นักขายตรงมือใหม่อย่างเราๆท่านๆหากจะเอาดีกับขายตรงอย่างจริงจัง ก็ต้องศึกษาเพื่อให้รู้รอบด้าน จากการสังเกตความรู้ที่จะต้องเตรียมตัวเพื่อรับกับความสำเร็จมีดังนี้
     @ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา(ความรู้ด้านจิตวิทยา) เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆเพราะเราต้องทำงานกับความสัมพันธ์กับคนตลอดเวลา ดังนั้นเราต้องใช้จิตวิทยาด้านแรงจูงใจ จิตวิทยาการให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ โดยเราใช้ในกระบวนการตั้งแต่ชวนคน สร้างคน รักษาคน
     @ ผู้เชียวชาญด้านการเงิน(ความรู้ด้านการจัดการการเงิน)  การทำขายตรงให้สำเร็จระยะยาว เราต้องเป็นนักวางแผนการเงินที่มองอย่างรอบคอบ รู้จักหา บริหาร ให้เงินงอกเงยระยะยาว ไม่ใช่หาแล้วใช้เป็นอย่างเดียว สุดท้ายก็ต้องย้ายค่าย เหนื่อยใหม่อีกรอบ และที่สำคัญในเรื่องการจัดการการเงิน คือ การแยกแยะว่าเงินที่ออกจากกระเป๋าแต่ละบาทเป็น "ค่าใช้จ่าย" หรือเป็น "การลงทุน" เพื่อที่จะสามารถใช้เงินอย่างถูกจุดและคุ้มค่าที่สุด
    @ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการ (ความรู้ด้านการบริหารจัดการ) นับตั้งแต่ท่านได้สมัครเข้าร่วมธุรกิจขายตรง ไม่ว่าจะบริษัทใดก็ตามถือว่าทุกท่าน คือ ผู้จัดการใหญ่รับผิดชอบบริษัทจำกัดของตัวเอง เราต้องระลึกเสมว่านี้ คือ ธุรกิจของตนเองต้องรับผิดชอบด้วยตนเอง 100 เปอร์เซนต์ ตั้งแต่ การลงทุน วางแผน ดำเนินการ แก้ปัญหา รวมถึงสรุปผลและรับรายได้ด้วยตนเอง
    @ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพูดต่อหน้าชุมชน (ความรู้และทักษะด้านการพูด) เป็นทักษะที่จำเป็นมากในการเป็นผู้นำ เพราะการพูดเป็นช่องทางการสื่อสารที่ใช้มากที่สุดในการทำขายตรง ซึ่งจำเป็นจะต้องฝึกการเป็นผู้ฟัที่ดีควบคู่ไปด้วย  เพราะนักพูดที่ดี คือ นักฟังที่ดีเช่นกัน
    @ ผู้เชี่ยวชาญด้านคุณธรรม (ความรู้ด้านจริยธรรม/คุณธรรม) ข้อนี้ถือเป็นความรู้ที่ควรยึดเป็นแกนกลางเพื่อการทำธุรกิจให้ยั่งยืนตราบนานเท่านาน

     5 ข้อความรู้และทักษะสำคัญที่นักขายตรงมือใหม่ควรจะใส่ใจแสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อความสำเร็จยั่งยืนยาวนานต่อไป

เขียนโดย
ภาสกร ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการ บจก.ริชไทมเน็ตเวริค


วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

ระบบ คือ ความสำเร็จ

อย่าเรียกร้องขอความสำเร็จ จนกว่าจะลงมือทำตามระบบ
         มีโอกาสได้ดูภาพยนต์การ์ตูนเรื่องมนุษย์ท่อและมนุษย์ถังอีกรอบ ก็ยังชอบการ์ตูนเรื่องนี้อยู่ทุกครั้งที่ดู และได้ตกลงเลือกแล้วที่อยากจะเป็นมนุษย์ท่อมานานแล้ว และผมเชื่อเช่นกันว่า มือใหม่หัดขายตรงอย่างเราๆท่านๆ หากเข้าใจภาพยนต์การ์ตูนเรื่องดังกล่าว มั่นใจว่า อยากจะเป็นมนุษย์ท่อเหมือนผมแน่นอนครับ จริงใหม? 
 
         แต่คำถามหนึ่งที่ผมฉุกคิดได้ครั้งล่าสุดจากการดูภาพยนต์การ์ตูนเรื่องนี้ คำว่าระบบแท้ที่จริงแล้ว คือ อะไรกันแน่?  
        หากมองอย่างเป็นรูปธรรม คำว่าระบบมักเข้าใจว่า เป็นเรื่องของ " การฝึกอบรม" แต่ในมุมมองส่วนตัวที่ผมมองมุมกว้างออกไป คำว่าระบบ ย่อมประกอบขึ้นจากหลายๆส่วนที่เชื่อมโยงกันอยู่ ในที่นี้ผมจะขอนำเสนอระบบความสำเร็จของกระบวนการขายตรง ประกอบไปด้วย ระบบการจัดการตัวเอง,ระบบการบริหารจัดการบริษัทและระบบฝึกอบรม 

  @ ระบบการจัดการตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะนี้คือธุรกิจของตัวเอง ท่านเปรียบเหมือนเป็นผู้ประกอบการ ดังนั้นท่านต้องมีการวางแผน จัดระบบ ระเบียบ และเติมความเข้มงวดให้ตัวเองดั่งการทำงานประจำ มุ่งมั่นปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผน 

  @ ระบบการบริหารจัดการบริษัท หมายถึง ระบบการบริหารพนักงาน,สต็อกสินค้า,การจัดตั้งและบริหารงานสาขา สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ที่บริษัทขายตรงส่วนใหญ่สร้างขึ้นเพื่อรองรับการทำงานของท่าน และบริษัทขายตรงที่จดทะเบียนส่วนใหญ่ก็สร้างระบบเหล่านี้พร้อมให้ท่านเรียบร้อยแล้ว หากท่านพร้อม เราลุยกันได้เลย

  @ ระบบฝึกอบรม ก็คือส่วนสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ เพราะส่วนขับเคลื่อนระบบที่สำคัญ คือ คน ฉะนั้นระบบการสร้างคนอย่างการฝึกอบรมย่อมจะเป็นเหมือนน้ำมันหล่อลื่นของระบบก็ว่าได้ การฝึกอบรมจะช่วยให้มือใหม่หัดขายตรงได้ชวนคนเป็น สร้างคนได้ รักษาคนอย่างยั่งยืน

     ทั้งสามระบบรวมตัวกันเป็นระบบท่อที่จะสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้ท่านตราบนานเท่านาน ขอเพียงแต่ท่านเปิดใจเรียนรู้ให้เต็มที่ มุ่งมั่นทำด้วยความรักและศรัทธา ความสำเร็จย่อมคู่ควรกับคุณอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆแน่นอน

เขียนโดย
ภาสกร ผุยพงษ์
รองประธานกรรมการบจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค

วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556

เมื่อสิ่งที่เรารักและความสุขมาบรรจบกัน

เมื่อความสุขและความรักในสิ่งที่ทำมาบรรจบกัน ความสำเร็จย่อมจะงดงามและคู่ควรกับเรา

    นับว่าเป็นโชคดีืที่สุดถ้าหากว่า เราได้ค้นพบในสิ่งที่เรารักและลงมือทำมันอย่างมีความสุข แบบลืมวันลืมคืน แต่น้อยคนนักจะหาได้เช่นนั้น
    มือใหม่หัดขายตรงอย่าเราๆ มักแสวงหาคำตอบเรื่อง ความสำเร็จที่หมายถึงว่า มีเงินเยอะๆ มีบ้านหลังใหญ่ๆ มีรถคันโตๆ จนลืมอะไรไปสักอย่างหนึ่งที่สำคัญ นั้นคือ คุณรักมันจริงหรือป่าว?หรือ ทำแล้วมีความสุขจริงหรือเปล่า?

    การเข้าสู่วงการขายตรงของมือใหม่หัดขายตรงผมเชื่อว่าเกือยร้อยเปอร์เซนต์มาด้วยความ "อยากรวย" ใจจึงจุดจ่อกับคำถามที่ว่า ฉันจะได้เงินเหล่านั่นมาสร้างความรวยให้กับฉันได้อย่างไร? นั้นคือสิ่งที่เรากำลังมองอย่างแคบ จนละเลยเลยความสำเร็จอย่างแท้จริง หากปรับสายตาให้กว้างมากขึ้น และพิจราณาให้ลึกไปสู่ต้นเหตุที่แท้จริงของ ความสำเร็จ ท่านจะพบว่า แท้ที่จริงแล้ว ผู้ที่ประสบความสำเร็จรวยล้นฟ้า มักมีเหตุปัจจัยสำคัญคือ การค้นพบสิ่งที่ตัวเองรักจริงๆและความสุขที่ได้ทำมันทั้งชีวิต 

    เมื่อสิ่งที่รักและความสุขมาบรรจบกัน มือใหม่หัดขายตรงย่อมจะทำสิ่งนั้นอย่างลืมวันลืมคืน มีรอยยิ้มแบบไม่เหน็ดเหนื่อย มีความภาคภูมิใจกับการเป็นผู้ให้อย่างสม่ำเสมอ ยินดีกับการที่คนอื่นมองเห็นคุณค่าของเราและเราชื่นชมกับคุณค่าของคนอื่นอย่างจริงใจ และท้ายที่สุขท่านจะพบกับความสำเร็จได้แทบทุกวันที่ทำงาน  สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้ผมนึกถึงคำกล่าวของท่านพุทธทาสที่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า "การทำงานเพื่องาน นั้นคือความสุขที่แท้จริง" 
        

อย่าจดจ่อกับความสำเร็จจนมองความจุดบรรจบระหว่างความสุขกับความรักในสิ่งที่ทำ

เขียนโดย
ภาสกร. ผุยพงษ์
รองประธานกรรมการบจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค

วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

มือใหม่หัดขายตรง เตรียมตัวรวยกันหรือยัง?

        ทุกคนมีสิทธิรวยได้อย่างเท่าเทียมกัน แต่ประเด็นสำคัญที่หลายคนมองข้าม คือ เมือ่ความรวยมาถึงตัวแล้วจะรักษาความรวยไว้ได้อย่างไร 
        รวยแล้วไปไหน ? น้อยคนจะถามตนเองแบบนี้ แต่มักจะติดอยู่กับแค่คำว่า จะรวยอย่างไร?
         นักขายตรงมือใหม่อย่างเราๆ ท่านๆ โปรดมองออกไปให้กว้าง เปิดใจเบิกตาให้ไกลกว่าที่เป็น หลายคนยังวนเวียนอยู่กับเรืองการหาเงิน วิ่งวนกับคำว่าทำอย่างไรหนอฉันจะรวยๆๆๆๆๆๆๆ แต่นักมือใหม่ขายตรงอย่างเราๆท่านๆ ต่อยอดความคิดยาวไปอีกนิดให้ไปถึงเรื่อง เมื่อรวยแล้วจะทำอย่างไรต่อ หรือกล่าวสั้นๆว่า จะเตรียมตัวรวยได้อย่างไร?
       องค์ประกอบของการเตรียมตัวรวยเราควรจะมองให้ครอบคลุมไปถึงเรื่อง ความคิด จิตใจ สุขภาพร่างกาย ให้ครบทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องของความคิดรวมถึงทัศนคติ ที่มองให้เห็นว่า เงินทองมักจะอยู่กับคนที่ฉลาดใช้และรักมันจริงๆ ตััวอย่างที่มีให้เห็นคือ ข่าวที่นำเสนอในทีวีไม่ว่าจะเป็นอดีตคนเคยรวย นางแบบระดับเงินล้าน สุดท้ายกลับกลายเป็นยากจกในช่วงระยะเวลาสั้นๆ สิ่งเหล่านี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับเราได้อย่างดีในเรื่องของการเตรียมตัวรวย
      นอกจากที่ต้องเตรียมตัวเรืืองความคิด ยังต้องมองไปถึงเรื่องสุขภาพ เมื่อหาเงินมาได้แล้ว นักขายตรงมือใหม่อย่าลืมที่จะตอบแทนสุขภาพร่างกายด้วยอาหารที่มีประโยชน์ ราคาอาจไม่แพงมาก น้ำดื่มสะอาด การออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายอันแสนดีของเรา พร้อมที่จะลุยไปพร้อมกับหัวใจอันมุ่งมั่นของเราต่อได้ ไม่ใช่หาเงินจนสุขภาพแย่ ท้ายที่สุดต้องเอาเงินทั้งหมดที่หาทั้งหมด ไปรักษาร่างกายที่เสื่อมโทรมทั้งหมด 
     การเตรียมตัวรวยอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ คือ การแสวงหาความรู้ เพื่อที่จะนำมาต่อยอดสิ่งที่เราทำอยู่ให้เกิดการพัฒนาอย่างไม่รู้จบ อย่าคิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่ สุดยอด ดีที่สุดแล้ว มีนักปราชญ์ท่าเคยกล่าวไว้ว่า "สิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น" ฉะนั้นจงมั่นศึกษาหาความรู้แบบไม่รู้จบเพื่อปรับตัวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวินาที
    แกนกลางที่จะทำให้ความรวยยั่งยืนที่จะกล่าวเป็นประเด็นปิดท้าย คือ เรื่องของการใช้ชีวิตทำธุรกิจขายตรงด้วยคุณธรรม จริยธรรม หากทุกท่านใช้ความดีในการทำธุรกิจย่อมจะได้รับแต่คนดีๆ เงินดีๆ อะไรดีๆย่อมจะเข้ามาในชีวิต และสิ่งเหล่านี้ย่อมจะรู้กับเราตราบนานเท่านาน แต่หากว่า ท่านใช้ความโลภในการทำธุรกิจท่านย่อมจะได้คนที่โลภ เงินแห่งความโลภ จะไหลเข้ามาในกระเป๋าคุณ และท้ายที่สุดท่านจะเสียสิ่งเหล่านี้ไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

จงอย่ากลัวที่จะไม่รวย แต่จงกลัวว่าเมื่อรวยแล้วจะจัดการกับความรวยอย่างไร?
ขอให้ท่านเศรษฐีดีๆทุกท่านอยู่คู่ความรวยแบบดีๆตลอดไป

เขียนโดย
ภาสกร. ผุยพงษ์
รองประธานกรรมการบจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อยากสำเร็จต้องฟังให้เป็น

คำกล่าวโบราณ กล่าวไว้ว่า ปากมีปากเดียว หูมีสองหู แต่ใยมนุษย์ถึงพูดมากกว่าฟัง
     ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การงาน ครอบครัวหรือการเมืองระดับประเทศ หากท่านสังเกตุให้ลึกแต่ละปัญหานั้นๆจะพบว่า เกิดจากแต่ละฝ่ายอยากจะพูดแต่ในเรื่องของตนเองจนไม่ฟังเรื่องของคนอื่น จริงไม?
      นักขายตรงมือใหม่อย่างเราๆท่านๆ อาจจะกำลังฝึกฝนเรื่องการพูด ฝึกการเป็นวิทยากร พิธีกร บางท่านใช้ค่าใช้จ่ายเรื่องนี้ไปเยอะมาก ฝึกจนตนเองเก่งกล้าสามารถพูดได้แบบมืออาชีพ แต่สิ่งหนึ่งที่มองข้ามไปเหมือนกับการมองเหรียญเพียงด้านเดียวตลอดเวลา คือ การฝึกฝนการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ
    กูรูนักพูดได้เคยกล่าวว่า " หากท่านยังฟังไม่เป็น อย่าฝันที่จะพูดได้ดี"  หากฟังก็ต้องฟังให้ได้ยินนั้นเอง นั้นหมายความว่า การฟังที่มีประสิทธิภาพจะทำให้คุณเข้าใจผู้พูดมากขึ้น และเมื่อคุณแปรเปลี่ยนเป็นผู้พูดย่อมจะพูดในเรื่องที่ผู้ฟังอยากฟัง ตรงประเด็นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
   การทำขายตรงแบบดั้งเดิมมักปลูกฝังให้ show the plan share the product หรือ เห็นหน้าผู้มุ่งหวังไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงเขียนแผนกลมๆ แชร์ประสบกาณ์สินค้าทันที แบบแผนนี้มักสร้างความน่าเบื่อให้กับผู้มุ่งหวังยุคใหม่ นักขายตรงมือใหม่หากอยากประสบความสำเร็จในสายอาชีพนี้อย่างจริงจัง ต้องมาปรับทัศนคติใหม่จาก เข้าหาผู้มุ่งหวังเพื่อพูดอย่างเดียว เข้าไปฟังก่อน โดยหลักการฟังให้ได้เรื่องมีดังนี้
     - เปิดใจตนเองให้กว้าง ตั้งสติเพื่อจะฟังให้ดี
     - จับประเด็นให้ได้ว่า ความต้องการจริงๆของผู้มุ่งหวัง คืออะไร?
     - โต้ตอบแสดงความสนใจในเรื่องที่ผู้มุ่งหวังพูดบ้างพอประมาณ
     - คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ประมวลผล เพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดให้กับผู้มุ่งหวัง
       นักขายตรงมือใหม่ อย่างเราๆเมื่อตั้งใจฟังตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว ท่านย่อมจะเลือกคำพูดที่ดีที่สุดส่งผ่านไปยังพูดมุ่งหวังโดยใช้เวลาไม่มากนัก และสุดท้ายนำไปสู่การปิดการขายอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
       เขื่อเถอะครับว่า คนที่พูดก็อยากให้มีคนฟัง พูดแต่ไม่มีคนฟังย่อมไม่มีความหมาย ต่อไปนี้นักขายตรงมือใหม่อยากเป็นนักพูดที่ดี ต้องฝึกเรื่องการฟังที่ดี ฟังให้ได้ยิน เพื่อความสำเร็จอย่างแท้จริง

หากอยากใหญ่ ต้องใส่ใจการฟัง

เขียนโดย
ภาสกร ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการบจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค
    

วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มองตน พัฒนาตน ความสำเร็จเกิดแก่ตนแน่นอน

       ความสำเร็จที่แท้ คือ การมองให้ลึกไปในตน และกล้าที่จะยอมรับในความบกพร่อง กล้าที่จะบอกว่า ตนเองไม่รู้อะไร เพื่อจะได้ต่อเติมในส่วนที่ขาดได้
      
      นักธุรกิจเครือข่ายขายตรงมือใหม่ทั้งหลาย พึงระลึกเสมอว่า ทุกคนปรารถนาความสำเร็จ ความสำเร็จช่างหอมหวาน น่าสัมผัส แต่กว่าจะไปถึงขนาดนั้นรู้หรือไม่ว่า เราจะต้องใช้ปัจจัยอะไรบ้าง?
      เรามักมองแต่เรื่องที่ไกลจากตัวเอง โทษฟ้า เทวดา อากาศ ดวง สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ควบคุมได้ยาก แต่ลืมมองให้ลึกมายังเรื่องที่ควบได้ดีกว่า นั้นคือ เรื่องของตนเอง
     ความสำเร็จ เริ่มจากเราปรารถนาเอง เราลงมือเอง เราแสวงหาเอง เราเองทั้งนั้น แต่เมื่อผิดพลาดคลาดความหวังขึ้นมา มักมองไปที่เรื่องอื่นที่ไม่ใช่ตน ทำไม?
     นักขายตรงมือใหม่อย่างเรา ควรจะปรับทัศนคติแบบ360องศา สร้างความเข้าใจให้กระจ่างว่า การพัฒนาตนเองในแง่ต่างๆ เช่น พัฒนาทักษะวิธีคิด,การพูดในที่ประชุม,การถ่ายทอดและการนำเสนอ,การบริหารคน, ฯลฯ ยิ่งเราพัฒนาตนเองมากเพียงใด เราจึงจะมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น คุณค่าที่มีมากขึ้นจะทำให้คนมองเห็นและมั่นใจ คนที่มีคุณค่ามากพอย่อมจะทำให้คนอยากเข้าใกล้ บางครั้งเราแทบไม่ต้องเอ่ยปากชวนทำธุรกิจกับเขา เขาจะขอสมัครกับเราเอง
    การเติมคุณค่าตน ย่อมไม่ได้หมายความว่า ไปดูถูกคุณค่าคนอื่น คุณค่าตนยิ่งจะเท่าทวีคูณมากขึ้น หากว่าเราเชิดชูคุณค่าของคนอื่น

    จงเติมคุณค่าของตนแบบไม่รู้จบ แล้วความสำเร็จจะวิ่งหาคุณทุกวัน

เขียนโดย
ภาสกร ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการ บจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

3 ข้อพึงระลึกสำหรับมือใหม่หัดขายตรง

     คนส่วนใหญ่มองความสำเร็จเรื่องการทำขายตรง เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก แต่หารู้ไม่ว่า นั้นเป็นเพียงปรากฎการณ์ที่เราคิดเข้าข้างตัวเองเกินไป จนทำให้มองไม่เห็นความจริง
     ไม่มีอะไรได้มาง่ายดาย ทุกอย่างย่อมต้องมีการลงทุน ไม่ลงทุนแรง ก็ลงทุนเวลา ไม่ลงทุนเวลา ก็ลงทุนเงิน ไม่ลงทุนเงิน ก็ลงทุนความรู้สึก ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง หรือไม่ก็ต้องลงทุนทุกอย่าง
       การทำธุรกิจเครือข่ายขายตรงในแบบฉบับมือใหม่แบบเราๆ ท่านๆ ก็ย่อมต้องมีการลงทุนทุกสิ่งทุกอย่าง และสิ่งที่อยากจะฝากไว้ในหัวใจของนักมือใหม่ขายตรงแต่ละท่านมี 3 ข้อหลักๆดังนี่
      1. เข้าใจให้ถ่องแท้ - ก่อนจะลงมือทำขายตรง เราควรจะมีการศึกษาให้ถ่องแท้ถึงแนวคิด,วิธีการที่ถูกต้องของการทำธุรกิจขายตรง ปรับทัศนคติเรื่องการมองขายตรงแบบการช่วยคนอื่นสำเร็จ คือ ความสำเร็จของเรา เข้าใจให้ชัดว่านี้ คือ ธุรกิจของตนเอง เรียนรู้ถึงวิธีคิดแบบผู้ประกอบการจริงๆ
     2. ลงมือทำ - เมื่อศึกษาให้เข้าใจแล้วอย่าลืมที่จะลงมือทำทันที ทำทุกที ทำทุกเวลา หัดเป็นนักฉวยโอกาสให้เป็น อย่ารอแต่โอกาสวิ่งมาหส เราต้องสร้างโอกาสขึ้นมาให้เป็น หากเรียนรู้ เข้าใจ แต่ปราศจากการลงมือทำ ย่อมจะยังไม่เกิดการเี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นแน่นอน
    3. อดทนให้มากพอ - นักขายตรงมือใหม่ มักมีปัญหาในช่วงแรกๆโดยเฉพาะ 3-6 เดือนแรก ซึ่งถือว่าเป็นช่วงฝึกงานของขายตรง นักขายตรงมืิใหม่เมื่อเจออุปสรรคมักถือเป็นเรื่องใหญ่ อาจเกิดอาการท้อแท้ หากแก้ไขไม่ทันอาจจะเลิกทำไปเลยทีเดียว ฉะนั้นเมื่อเกิดอาการท้อแท้ พยายามหากำลังใจจากแหล่งต่างๆไม่ว่าจะเป็น จากผู้แนะนำ หนังสือ ซีดี หรือเมื่อเกิดปัญหาเกิดอาการท้อแท้ ให้พยายามท่องคาถา อดทนๆๆๆๆๆๆ แล้วนึกถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ นึกถึงคนที่เรารัก ที่เราจะมอบความสำเร็จให้ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา และสิ่งสำคัญที่จะเสริมสร้างกำลังใจอย่างดี คือ การเข้าคอร์สฝึกอบรม จะทำให้ท่านได้พบกับผู้คนหลากหลายรูปแบบ ซึ่งบางคนดูแย่กว่าท่านอีกเขายังสู้ฝ่าฝันสำเร็จได้

3 หลักสำคัญนี้จะเป็นหลักยึดที่สำคัญที่จะนำพานักขายตรงมือใหม่อย่างเราไปถึงจุดหมายได้อย่างแท้จริง
อย่าเพิ่งเชื่อผม จนกว่าจะทำจริงจังดูสักตั้ง

เขียนโดย
ภาสกร. ผุยพงษ์
รองประธานกรรมการบจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค



วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อ่านแผนที่ให้ออก ก่อนออกเดินทาง

อ่านแผนที่ยังไม่ออก ยังกล้าออกเดินทาง นี่มันคนตาบอดชัดๆ
     เมื่อท่านจะออกเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง โดยเฉพาะที่ที่ไม่คุ้นเคย ท่านจะเสี่ยงดุ่มเดินไปโดยไม่เปิดแผนที่ดู นั้นมันเสี่ยงเกินไปที่จะรับได้ 
     
มือใหม่หัดขายตรงอย่างเราๆท่านๆ ฟังทางนี้ครับ อย่าเพิ่งหลงเชื่อกับพลังแห่งการโมติเวตแบบแรงแรงส์ เมือฟังเสร็จแล้วกรุณาถามหาแผนที่ความสำเร็จจากผู้ประสบความสำเร็จหรือวิทยากรที่กำลังถ่ายถอดให้ท่านฟังอยู่ และเมื่อๆด้แผนที่มาแล้ว กรุณาอย่าพับเก็บไว้กับที่ ควรที่จะศึกษาแผนที่นั้นๆให้กระจ่างแจ้งมากพอ มากพอที่จะสร้างความมั่นใจว่า
   - แผนที่นี้เป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่จะเดินทางสู่ความสำเร็จได้?
   - แผนที่นี้มีเครื่องมืออะไรที่อยู่ระหว่างทางที่จะช่วยสนับสนุนความสำเร็จนี้ได้? 
   - เวลาเกิดผิดพลาดขึ้นในระหว่างเดินทางมีผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาเสนอแนะเราหรือไม่?
   - แผนที่นี้ง่ายเพียงใดที่จะสื่อสารต่อ บอกต่อกับผู้ที่เดินตามหลังเรามาได้
    เหล่านี้คือปัจจัยเบื้องต้นที่จะใช้ในการพิจารณาแผนที่แห่งความสำเร็จก่อนออกเดิน หากท่านศึกษาแล้วยังไม่แน่ใจให้สอบถามหาข้อมูลจนกระจ่าง ผมย้ำนะครับว่า ถ้าไม่แน่ใจ ไม่เข้าใจแผนที่ อย่าออกเดินทางเป็นอันขาด 

    อ่านแผนที่ให้ออก บอกคนอื่นให้ได้ ความสำเร็จไปอีกไม่ไกล คุณทำได้แน่นอน Yessssssss

เขียนโดย
ภาสกร. ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการบจก.ริชไทม เน็ตเวิร์ค

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โมติเวตหรือโมติว๊าก?

                     

      แค่เสียงดังกับบรรยากาศเป็นใจ บวกพลังแห่งจิตวิทยาฝูงชน นั้นยังไม่มากพอที่จะเป็นเชื้อเพลิงให้ท่านก้าวไปสู่ความสำเร็จในการทำธุรกิจเครือข่ายขายตรง
      นักธุรกิจเครือข่ายขายตรงมือใหม่หัดขับ อย่างเราๆท่านๆอาจกำลังตื่นเต้นกับพลังแห่งเสียงโมติเวตและบรรยากาศ เร้าให้ขนลุกซู่ตบมือกันจนมือแทบแตก จนท่านอินกับสิ่งนี้ชนิดที่ว่าได้รับเงินล้าน ณ บัดนั้นแล้ว แต่ช้าก่อน......
        การโมติเวตหรือการสร้างบรรยากาศปลุกเร้าให้เราอยากจะร่วมธุรกิจพันล้าน หมื่นล้าน(ตามแรงโมติเวต เขามักว่าอย่างงั้น) เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของงานขายตรง แต่เมื่อท่านมองลึกลงไปโดยใช้วิจารณญาณสัมผัสถึงความเป็นจริง ท่านจะพบบางอย่างที่น่าสนใจ ซึ่งผมมีข้อสังเกตต่างๆดังนี้
     - การโมติเวตในวงการขายตรง มักเชิญผู้นำที่ประสบความสำเร็จในบริษัทนั้นๆมาเร้าโลมอารมณ์ของคุณ ด้วยสิ่งที่เข้าทำได้ เงินล้าน รถกี่คัน บ้านกี่หลัง โชว์รายได้ให้เห็นกันจะๆแบบไม่เกรงกลัวสรรพากร (อย่างหลังต้องระวังนะคร้าบบบ) สังเกตดีๆว่า เขาจะพูดเรื่องตัวเองซะส่วนใหญ่ จนเราคล้อยตาม คล้ายกับว่า วิญญาณของเขามาสิงร่างเราในตอนนั้น ได้สติคืนมา มักลืมไปว่า แล้วเราจะทำอย่างไรต่อดีหนอ?
     - การโมติเวตที่ใช้การผสมผสานที่เรียกว่า การใช้บรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็น แสง สี เสียง หน้าม้า หน้าแมว มันทำให้คุณอยากควักกระเป๋าจ่ายตังค์แบบไม่รู้ตัว พยายามแยกแยะดีๆใช้สติปัญญารับฟังดีๆครับก่อนจะตัดสินใจ
     - การโมติเวตในวงการขายตรง เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ต้องใช้เรื่อยๆไม่ว่าจะตั้งแต่การจัดประชุมเปิดใจ,ในคอร์สต่อเนื่องหรือเมื่อใดที่ทีมงานเริ่มหมดกำลังใจ นักขายตรงมือใหม่อย่างเราๆท่านๆช่วงทำแรกๆ มักมองขายตรงแบบเลิศหรู(อาจจะเป็นเพราะแรงโมติเวตอย่างบ้าคลั่ง) จนลืมว่าในความเป็นจริงไม่มีอะไร เป็นไปตามความคาดหวังทุกอย่าง เผื่อใจไว้บ้าง เปิดใจกว้างๆ เมื่อผิดพลาดพยายามเรียนรู้และปรับปรุงจนตนเองสำเร็จให้ได้

   ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้มีเจตนาจงเกลียดจงชัง การโมติเวตนะครับ แต่ผมเห็นด้วยว่าโมติเวตเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ ผมฝันอยากเห็นการโมติเวตแบบของแท้ๆ ที่เจือไปด้วยความจริงใจ เป็นไปได้ มีกลยุทธ์ไปสู่ความสำเร็จได้อย่างชัดเจน มีการทำวิจัยซะบ้างว่าคนฟังเขาอยากฟังอะไร มิใช้พูดแต่เรื่องของตนเอง

  ตราบเท่าที่มนุษย์ยังมีจิตใจ การโมติเวตให้มนุษย์รู้ถึงคุณค่าตนและคนอื่นยังมีความจำเป็นอย่างขาดไม่ได้ แต่หากการโมติเวตถูกเจือไว้ด้วยความโลภ เห็นแก่ตัว ผมจะขอเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การโมติว๊าก มากกว่า จริงไมครับ?

ปล.คราวหน้าผมจะเขียนถึง การโมติเวตตัวเอง แล้วเจอกันครับ
เขียนโดย
ภาสกร. ผุยพงษ์
รองประธานกรรมการบจก.ริชไทม เน็ตเวิร์ค


วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

นักขายตรงมือใหม่หาแรงบันดาลใจไร้ขอบเขต

       แรงบันดาลใจคือสิ่งสำคัญในการจะสร้างหรือลงมือทำอะไรสักอย่่างเพื่อความสำเร็จจริงๆ แรงบันดาลใจอาจจะหาได้ไม่ยาก แต่จะรักษาแรงบันดาลใจไว้อยู่กับเรานานๆเป็นเรื่องที่ยากนัก

     คนเราจะทำงานอะไรสักอย่างมีองค์ประกอบมากมายที่จะส่งเสริมความสำเร็จ หนึ่งในสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะลงมือทำมักจะมีคำว่า " แรงบันดาลใจเสมอ"  
    แรงบันดาลใจอาจจะเป็นบุคคล สิ่งของ หรือบรรยากาศ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่บวกๆกันแล้วจะเป็นแรงส่งหนุนนำให้เกิดแรงบันดาลใจขึ้น
   
     วกมาถึงเรื่องการทำธุรกิจเครือข่ายขายตรงสำหรับนักขายตรงมือใหม่อย่างเราๆท่านๆ มักพบว่าแรงบันดาลใจที่นำพาทุกท่านเข้าสู่วงการ มักมาจากผู้ประสบความสำเร็จที่ประกาศก้องอยู่บนเวที นั่นก็หมายความว่า ท่านมาด้วยความหวัง หวังเรื่องรายได้ หวังเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศ แต่แรงบันดาลใจเพียงเท่านี้ผมมองว่ายังไม่มากพอที่จะทำให้คุณอดทนต่ออุปสรรคต่างๆเพื่อจะข้ามพ้นไปสู่ความสำเร็จจริงๆได้ 

      ผมสังเกตว่า นักธุรกิจขายตรงที่ประสบความสำเร็จจริงๆ นอกจากเรื่องเงินๆทองๆหรือเกียรติยศที่คนทั่วๆไปเขาปรารถนา มากไปกว่านั้น เขามองไปถึงเรื่อง ความสุขของการได้ลงมือทำซึ่งผมมองว่าสิ่งเหล่านี้ตีค่าเป็นเงินได้ยากมาก มันเป็นเหมือนการใช้งานเติมเต็มคุณค่าให้กับชีวิตตนเองมากกว่า ทำให้ผมนึกถึงคำท่านพุทธทาสที่ท่านเคยกล่าวไว้ เรื่องของการทำงานเพื่องานที่ว่า " ถ้าทำงานเพื่อเงินรอให้ได้เงินถึงจะมีความสุข แต่ถ้าทำงานเพื่องาน แค่ลงมือทำก็มีความสุขแล้ว"

     นักขายตรงมือใหม่ทั้งหลาย หากท่านค้นพบแรงบันดาลใจที่จะส่งให้ท่านเข้ามาสู่วงการขายตรงแล้ว จงอย่าลืมทะนุถนอมแรงบันดาลใจให้อยู่กับเรานานๆ โดยการลงมือทำด้วยความสุขที่ได้ทำ สุขที่ได้แบ่งปันประสบการณ์ดีๆเรื่อง สุขภาพ รายได้ สังคมดีๆ มิตรภาพดีๆที่คุุณได้รับจากการทำธุรกิจเครือข่ายขายตรง

     แรงบันดาลใจที่เริ่มต้นจากการที่คิดจะให้ เรายิ่งจะได้เกินความคาดหมาย ขอแรงบันดาลใจดีๆจงอยู่คู่คุณตลอดไป

เขียนโดย
ภาสกร. ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการบจก.ริชไทม เน็ตเวิร์ค




วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เตรียมตัวก่อนสำเร็จในการทำธุรกิจเครือข่ายขายตรง

       หลายคนมองเพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะสำเร็จ ทำอย่างไรถึงจะรวย แปลก...ไม่ค่อยมองไปถึงเรื่อง เมื่อสำเร็จแล้ว รวยแล้วจะทำอย่างไรต่อ ทำอย่างกับว่าจะไม่รวย ยังไงก็ยังงั้น...
        
      ความสำเร็จอันหวมหวน คล้ายกับดอกไม้ที่ทุกคนปรารถนา แต่อาจหลงลืมไปว่าความหอมนั้นมีอยู่เพียงไม่นาน เปรียบกับ ความสำเร็จของนักธุรกิจเครือข่ายขายตรงเช่นกัน
    
       นักขายตรงมือใหม่ทั้งหลายฟังทางนี้....

      หากท่านจะหาวิถีทางสู่ความสำเร็จ บทความชิ้นนี้ไม่มีให้แต่หากท่านถามว่า สำเร็จแล้วไปไงต่อ ท่านมาถูกทางแล้ว

      ภาพความสำเร็จที่รับรายได้เป็นล้าน มีรถหรูๆขับ มีแต่คนปรบมือ แซ่ซ้องด้วยคำชื่นชม ไปที่ไหนก็มีแต่คนต้อนรับอยากใกล้ชิด อยากจับมือกับผู้สำเร็จ เป็นภาพที่เรามักพบเห็นจนชิ้นตากับความสำเร็จในขายตรงบริษัทต่างๆ สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นอดีตเมื่อเวลาผ่านพ้นไป ผู้ประสบความสำเร็จบางคนก็อยู่รอดปลอดภัยด้วนระบบบริหารจัดการ ด้านการเงิน ด้านการใช้ชีวิต มีเงินงอกเงยเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ด้วยเครือข่ายคุณภาพดีที่เขาใช้ใจเป็นเดิมพัน แต่บางคนไม่อย่างนั้น หลงติดกับวัตถุ ถลำลึกไปสู่ความโลภ เงินที่หาได้อย่างรวดเร็วกลับอัตรธานหายหวับไปกับตาในเวลาอันรวดเร็ว สิ่งที่จะได้ยินจากปากของบุคคลประเภทหลังนี้ คือ การพร่ำเพ้อถึง ความสำเร็จเดิมๆ ชนิดที่ว่า เงินเคยได้เป็นสิบๆ ร้อยๆล้าน มีรถหรู บ้านใหม่ ใต้องค์กรมีคนเป็นหมื่นเป็นแสน แต่พอมาบริษัทใหม่ เหลี่ยวหาใครก็ไม่มีใครตามมา สุดท้ายก็มีเพียง "ลมที่หลุดออกมาจากปากแล้วก็หายไปในสายลม"

     ต้องขอบคุณบุคคลประเภทหลังที่ผมกล่าวถึง เขาเป็นครูให้ผมได้อย่างดี ต่อการคิดต่อในเรื่องที่ว่า "ความสำเร็จเดิมๆ กับวิธีการเดิมๆ บางอย่างอาจจะใช้ไม่ได้กับ กาลเวลาที่เปลี่ยนไป" ลองวิเคราะห์ปัจจัยให้ลึกลงไปว่า บริบทต่างๆในตอนที่คุณสำเร็จ เช่น ความสดใหม่ของเรื่องขายตรง,กฎหมายขายตรง,ความเข้าใจเรื่องขายตรง และอื่นๆอีกมากมาย สมัยนั้นกับสมัยนี้ย่อมต่างกันมากโข เพราะฉะนั้นผมย้ำอีกครั้งว่า คุณไม่มีทางที่จะทำแบบเดิมแล้วสำเร็จซ้ำเหมือนเดิมอีกได้

    เราวกไปเรื่องวิธีการแห่งความสำเร็จมากพอแล้ว  คร่าวนี้เรามามุ่งประเด็น เรื่อง เมือ่เราประสบความสำเร็จแล้ว จะไปยังไงต่อ? ที่คิดแบบนี้เพราะว่าตอนนี้เราข้ามพ้นเรื่อง ลงมือทำเพื่อความสำเร็จแต่แรกแล้วนะครับ ถ้ายังคิดว่าลงมือทำแล้วไม่สำเร็จอย่าลงมือทำตั้งแต่เริ่มต้นเลยดีกว่าครับ...เสียเวลาเปล่า

     การรักษาแชมป์หรือการรักษาความสำเร็จให้มีความต่อเนื่องนั้นเป็นเรื่องที่เราควรจะคิดไปพร้อมกับ การวางแผนวิธีการสู่ความสำเร็จ ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยคงความสำเร็จให้อยู่ได้ตราบนานเท่านานมีดังนี้

 @ ระลึกเสมอว่าความสำเร็จเป็นเพียงสิ่งที่ถูกสมมติขึ้นมา ความสำเร็จแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป ตามความพอใจ จงวางความสำเร็จบนความพอใจในความพอเพียง 
@ คุณธรม ความรัก และศรัทธาเท่านั้นที่ความสำเร็จอยากจะคบหาเป็นเพื่อนตายตลอดเป็น สำรวจตนเองตลอดเวลาว่า 3 สิ่งนี้เราพร่องไปหรือเปล่า ถ้าพร่องรีบเติม ก่อนความสำเร็จจะจากคุณไป
@ ทำแบบเดิม ความสำเร็จเดิมๆ บางอย่างไม่อาจสามารถใช้กับความสำเร็จที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ได้ ดังนั้นคุณควรจะแสวงหาวิธีการใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆมาใช้ในการทำธุรกิจขายตรงบ่้าง
@ อย่าทำเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ หวงรายได้ที่เกิดจากความสำเร็จเอาไว้ไม่นำไปทำให้เกิดการงอกเงย บางทีเราอาจต้องไปศึกษาช่องทางการลงทุนอื้นๆเพิ่มเติมไว้ เช่น ลงทุนในกองทุนต่างๆ ลงทุนในหุ้น ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การะจายความเสี่ยงออกไป ดังเช่นที่เคยได้ยินมาว่า อย่าเก็บไข่หลายๆใบไว้ในตระกล้าใบเดียว
@ ความสำเร็จ ย่อมอยู่กับผู้เข้าใจความสำเร็จอย่างแท้จริง แต่หากไม่รู้เรื่องความสำเร็จ แล้วไปอวดรู้และนำไปอวดอ้างต่อ ความสำเร็จจะเล่นงานคุณจนอ่วมเลยทีเดียว ฉะนั้นจงทำตัวเป็นแก้วว่างเสมอ ศึกษาเรียนรู้ในเรื่องของการพัฒนาความคิดที่ถูกต้องในการทำธุรกิจขายตรงอย่างไรจึงจะรักษาความสำเร็จไว้ได้ จงลงทุนกับความรู้ให้มาก เช่น การเข้าสัมนา ซื้อหนังสือ ซีดี แล้วความรู้นั้นจะย้อนกลับมารักษาความสำเร็จให้อยู่กับเราตราบนานเท่านาน

เป็นแชมป์ว่ายาก แต่การรักษาแชมป์ยากกว่า สำเร็จแล้วว่าแน่ แต่รักษาความสำเร็จได้ยาวนาน นั่นคือ แน่กว่า

เขียนโดย
ภาสกร ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการบจก.ริชไทม เน็ตเวิร์ค



ปรับทัศนคตินักขายตรงมือใหมฺ่.....สิ่งที่ได้มากกว่าเงิน

   เป้าหมายของคนส่วนใหญ่ คือ ทำงานเพื่อเงิน แต่เงินคงไม่ใช่อะไรทั้งหมดของชีวิตขนาดนั้น
     ทุกคนมีเป้าหมายมี่แตกต่างกันไปในชีวิต ฝันเล็กฝันใหญ่แล้วแต่จะฝันกันไป แต่เพราะความฝันที่เปลียนไปเป็นเป้าหมาย จึงทำให้วันทุกวันมีความหมาย

      นักธุรกิจขายตรงมือใหม่หัดทำอย่างเราๆท่านๆ ผมเชื่อมั่นว่า ก็ต้องมีแรงผลักดันภายในบางอย่างที่จะเป็นแรงส่งให้ท่านเข้าสู่วงการ ธุรกิจขายตรง หนึ่งในแรงผลักดันนั้น คือ เรื่องเงินๆทองๆ แต่.......ช้าก่อน......
       
      จริงอยู่ว่าเรื่องเงินทองเป็นสิ่งสำคัญ แต่อีกคมหนึ่งของเงินอาจทำให้เราหลงลืมสิ่งมีค่าอื่นๆไป เรามามดูกันต่อว่า นอกจากเงินแล้ว ธุรกิจเครือข่ายขายตรงให้อะไรกับเราอีกบ้าง......

      การเข้าสู่วงการธุรกิจขายตรง เหมือนกับการเปิดโอกาสให้กับตัวเอง ให้มาพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่หลากหลาย ได้เจอผู้คนหลากหลายวงการ ได้ท่องเที่ยวไปทุกที่ที่ไม่เคยไป รวมถึงการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้กับตำราเล่มใหญ่ คือ บุคคลแห่งความสำเร็จ หลากหลายท่านที่ถ่ายทอดวิชาเศรษฐีให้เราแบบฟรีๆ เท่าที่เราอยากจะแสวงหาได้ และเพราะการเปิดกว้างของธุรกิจเครือข่ายขายตรง จึงเป็นเหมือนการเปิดเวทีให้กับผู้คนไม่จำกัดชนชั้น เพศ วุฒิการศึกษา ขายตรงขะหล่อหลอมให้คนธรรมดาคนหนึ่ง กลายเป็นยอดคนได้ในเวลาไม่มากนัก
  
     คุณค่าและประสบการณ์ที่ได้พบเจอผู้คนทุกประเภทตั้งแต่ดีสุดๆไปจนถึงเลวติดดิน จะหล่อหลอมให้ท่านที่อยู่ในวงการขายตรงสามารถที่จะใช้ประสบการณ์เหล่านี้ไปปรับใช้กับธุรกิจประเภทต่างๆเท่าที่ท่านจะใช้รายได้ของขายตรง ไปขยายโอกาสทางธุรกิจของท่านต่อไป

    หากเรามองการทำธุรกิจขายตรงให้พ้นแค่เรื่องเงิน ผมมองว่าท่านจะได้พบกับโอกาสแห่งการเปลี่ยนแปลง วิธีคิด นำสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตได้อย่างแท้จริง เพียงท่านเปิดใจฝห้กว้างมากพอ เรียนรู้ อม้จะมีดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ผมเชื่อว่าสิ่งดีๆมีมากกว่า และสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นทำให้สิ่งดีๆมีค่ามากขึ้นอีก
   ฉะนั้นอย่างเพิ่งเชื่อ จนกว่าจะใช้วิจารณญานและปัญญาของท่านสัมผัสเอง

เขียนโดย
ภาสกร ผุยพงษ์
รองประธานกรรมการ บจก.ริชไทม เน็ตเวิร์ค

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คำถามยอดฮิต ทำไมสินค้าขายตรงราคาถึงดูสูงกว่าปกติ?

    ต้องเข้าใจว่า สิ่งต่างๆมีเหตุผลของมัน และผมเชื่อว่าถ้าเราศึกษาจนเข้าใจเราจะใช้สิ่งนั้นเปลี่ยนชีวิตเราได้
        หนึ่งใน คำถามยอดฮิตของมือใหม่หัดขายตรง คือ ทำไมสินค้าในระบบขายตรงถึงดูแพงกว่าสินค้าระบบปกตินัก. เพื่อให้เกิดความกระจ่างทางปััญญา เราต้องเริ่มต้นตั้งคำถามกันก่อนว่า "ราคาสินค้าของธุรกิจขายตรงมีหลักคิดหรือเหตุผลมาจากไหน?"

         ก่อนอื่นผมต้องขออธิบายหลักการตั้งราคาของสินค้า แบบซื้อมาขายไปทั่วๆไป หรือ ที่เรียกว่าขายแบบซิงเกิล การตั้งราคาเป็นผลรวมจากต้นทุน+การตลาดรวมถึงโฆษณา+การจัดการ(สต๊อคสินค้า/จ้างพนักงาน/สาขา/การขนส่งฯลฯ) และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง รวมออกมาเป็นการตั้งราคาสินค้า 1 ชิ้น และส่วนใหญ่การผลิตในแบบปริมาณมากๆหรือเป็นแบบแมส ต้นทุนต่อหน่วยจะถูกมากๆ และเมื่อวิเคราะห์ลึกๆไปถึงองค์ประกอบในสินค้านั้นๆจะเลือกใช้แบบมาตรฐานทั่วๆไป ผู้ผลิตคงไม่กล้าลงทุนใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงเพราะต้นทุนจะสูงเกินไป นี้คือที่มาที่ไปของการตั้งราคาสินค้าตามท้องตลาดทั่วไป
     
        สำหรับการตั้งราคาสินค้าของธุรกิจขายตรง จะมีหลักคิดตั้งแต่การเฟ้นหาสินค้านวตกรรม หาได้ยากในท้องตลาดทั่วไป เช่น กาแฟก็ต้องเป็นกาแฟที่มีส่วนผสมพิเศษ ผ่านการค้นคิดวิจัยมาพอสมควร เป็นต้น และที่สำคัญ คือ การคัดสรรวัตถุดิบที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และที่สำคัญ คือ การกำหนดราคาที่ต้องพิจารณาถึง ต้นทุนการจัดการในส่วนของบริษัทและการจัดจ่ายค่าคอมมิชชั่นหรือค่าการตลาดให้กับนักธุรกิจเครือข่ายขายตรงด้วย เมื่อพิจารณาอย่างครบถ้วนกระบวนความแล้ว สินค้าขายตรงจึงดูเหมือนว่าราคาสูงกว่าสินค้าตามท้องตลาด แต่ในความเป็นจริง คือ ราคาที่ตั้งมีเหตุผลและความสมเหตุสมผลมากกว่า

      เสริมอาหารหรือสินค้าเพื่อความงามคุณภาพดี ที่เปลี่ยนแปลงสุขภาพท่านให้ดีขึ้น บางทีดีจึ้นจนน่าอัศจรรย์ใจ เมื่อทุกอย่างดีขึ้น เราอดไม่ได้ที่จะต้องบอกต่อ ซึ่งการบอกต่อในกระบวนการธุรกิจเครือข่ายขายตรง. เป็นเรื่องของรายได้ เกียรติยศ เพื่อนใหม่ๆ เครือข่ายคุณภาพ สิ่งเหล่านี้จะทำให้มือใหม่หัดขายตรงอย่างเราๆ ท่านๆ ลืมเรื่องราคาของสินค้าไปเลย

      จริงเท็จอย่างไรโปรดใช้วิจารณญาณ อย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าท่านจะลงมือศึกษา ทำความเข้าใจ

เขียนโดย
ภาสกร ผุยพงษ์
รองประธานกรรมการบจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค


       

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ถ้าอยากสำเร็จต้องมองให้พ้นแค่การฝึกอบรม...

อย่าเอาความหวังไปฝากกับการฝึกอบรมเพียงไม่กี่ครั้ง แล้วนั่งตั้งตาตั้งตารอความสำเร็จอยู่ที่บ้าน ไม่มีทางหรอกที่คุณจะสำเร็จ
   ท่ามกลางบรรยากาศของห้องประชุมเต็มไปด้วยเสียงปรบมือ คำชื่นชม ความยินดี การให้กำลังใจ และคำสัญญาว่าจะทำให้ได้ จะขึ้นตำแหน่งให้ได้ มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้นในบรรยากาศนั้น. ยิ่งแรงโมติเวตของท่านวิทยากรมืออาชีพอัดแรงมากทเท่าไหร่ ยิ่งที่ให้ผู้เข้าร้วมประชุมหัวใจผองโต ไฟลุกพรึ่บ ณ ขณะนั้น....
   
 ความเป็นจริง.  
       เราอาจหลงลืมไป เผลอไป หลงยึดติดกับบรรยากาศในห้องประชุม ลืมมองข้ามพ้นไปสู่วิธีการแห่งความสำเร็จ การฝึกอบรมแม้จะดีระดับโลกเพียงใด แต่ถ้าเรายังยึดติดกับแค่บรรยากาศในห้องประชุม โดยไม่แปรเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นเป็นการกระทำ ย่อมจะไร้ค่าต่อความสำเร็จ. 
  
เปิดมุมมองให้กว้างขึ้นกับกระบวนการแห่งความสำเร็จ. ก่อนอบรม/ขณะอบรมและหลังฝึกอบรม
        ก่อนอบรม - เราต้องตระหนักเสมอว่า การชวนคนมาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจอันยิ่งใหญ่ อย่างธุรกิจเครือข่ายขายตรง. เราจะต้องเลือกคนที่ใช่ หมายความถึง คนที่ตกลงปรงใจซื้อไอเดียด้านธุรกิจที่เราขายด้วยความจริงใจกับเรา เราต้องวางแผนการหาคนที่ใช่และหัดคัดเลือกคนไหนที่เป็นผู้บริโภค คนไหนคือนักธุรกิจ สิ่งเหล่านี้จะนำพาไปสู่การทุ่มเทแรงกาย แรงใจ แรงเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดไปในจุดที่คุ้มค่า เหมาะสมที่สุด
        ขณะฝึกอบรม - ให้เราเจาะลึกไปกว่าการยึดติดบรรยากาศ คือ การเติมเต็มในสิ่งที่เราขาด ตั้งคำถามกับวิทยากรให้เป็น เราอย่างขาดหวังไปหาคำตอบสำเร็จรูปในที่ประชุม และที่สำคัญ คือ การเปิดใจให้กว้างมากๆ เพื่อรับการแลกเปลี่ยนประสบการณกับสมาชิกที่มาจากหลายๆที่ พาตัวให้มีส่วนร่วมกับที่ประชุมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ นั้นคือความคุ้มค่าที่ท่านสมควรจะได้รับ
       หลังฝึกอบรม - เก็บแง่คิด หลักการ และกำลังใจที่ได้จากการฝึกอบรมไปแปรเป็นการกระทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนแล้วลงมือทำทันที แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าจะมีปัญหาใหม่ๆเกิดขึ้นในขณะลงมือทำงาน (ปัญหาเก่าๆถูกแก้ไขเพราะได้รับแนวทางแก้ไขจากการฝึกอบรมคราวที่แล้ว) เราจะเก็บรวมรวมปัญหาเหล่านั้นมาแก้ปัญหาในการฝึกอบรมต่อไป สิ่งสำคัญหลังฝึกอบรมอย่าลืม เรื่องการประเมินผล โดยเฉพาะการวิเคราะห์เรื่องรายได้ของเราและทีมงานและจำนวนทีมงานที่เพิ่มมากขึ้น 
      
         ก่อน/ขณะ/หลังการฝึกอบรม คือ สิ่งที่เราต้องมองให้ครบ ทำให้ครบ ถึงจะประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง ย้ำนะครับว่า อย่ายึดตึดแค่เรื่องบรรยากาศห้องประชุมเพราะอาจจะทำให้ท่านตกหลุมพลางจนปีนขึ้นมาไม่ได้ และสุดท้ายก็โทษแต่ปัจจัยภายนอก ไม่เคยมองตัวเอง 
        อย่าเรียกร้องความสำเร็จ. จนกว่าท่านจะเข้าใจกระบวนการความสำเร็จและลงมือทำๆๆๆๆๆโดยไม่มีข้อแม้

        บทความดังกล่าวกระผมขอขอบคุณแรงบันดาลใจ จากท่านอ.ศักดา เจ้าของหลักสูตร wisdom to success

เขียนโดย
ภาสกร. ผุยพงษ์
รองประธานกรรมการบจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค

    
    

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มุมมองของคำว่า "อาชีพอิสระ" ในทัศนะของผม....

   มุมมองหนึ่งของคำว่า ธุรกิจเครือข่ายขายตรง มักเรียกกันว่า. อาชีพอิสระ คำว่าอาชีพอิสระ ท่านเคยนิยามกันไมครับว่า คำว่า อาชีพอิสระ คือ อะไร? 
   ในทัศนะของผม คำว่าอิสระ ต้องหันกลับมามองตนเองให้มาก โดยเฉพาะในแง่ของการปรับปรุงตัวเองเพื่อสร้างปัจจัยความสำเร็จ วันนี้มีโอกาสพูดคุยกับทีมงาน ได้โอกาสจึงนำเรื่องราวต่างๆมาแบ่งปันตรงนี้ครับ

     คำว่า "อาชีพอิสระ" คือ อิสระจากสิ่งต่อไปนี้
@ อิสระจากการเห็นแก่ตัว (ความโลภ) -----  ต้องแบ่งปันกันให้มาก
@ อิสระจากการพึ่งพาคนอื่น -----  รับผิดชอบตัวเองเต็มร้อย คำถามสำคัญ คือ เราจะทำอะไรเพื่อแก้ปััญหาได้บ้าง แทนที่จะถามว่า ใครจะมาช่วยฉันแก้ปัญหา
@ อิสระจากความเกียจคร้าน ----- ความเพียร / ความขยันความมุ่งมั่นที่มากพอ
@ อิสระจากความไร้ระเบียบ ----- จับระเบียบวินัยให้กับตัวเองอย่างเคร่งครัดมากกว่าตอนทำงานประจำอีก
@ อิสระจากการยึดติดแนวคิดเดิมๆที่ไร้ประโยชน์ ------ ความสำเร็จเดิมๆ. แนวคิดเดิมๆ ใช่ว่าจะสำเร็จตลอดไป  ยุคสมัย กาลเวลาเปลี่ยนไป อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอด
@ อิสระจากอคติ ----- อคติเป็นตัวการสำคัญที่เป็นอุปสรรคที่ขวางความสำเร็จ อคติทำให้หนูกลายเป็นช้าง เรื่องอเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องมีสาระกลายเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะฉะนั้นหาทางตัดอคติออกให้มากที่สุด
@ อิสระจากความโง่ (ขอโทษที่พูดแรง) ------ สตีฟ จ๊อบ เจ้าพ่อแอปเปิล พูดอยู่บ่อยๆว่า "จงโง่เขลา จงหิวกระหาย" หมายถึงว่า จงกระหายและรู้ตัวมากพอว่าตัวเองไม่รู้อะไรบ้าง ไม่ใช่ฉันรู้แล้วๆๆๆๆๆ จนน้ำล้นแก้ว รับอะไรไม่ได้ แล้วจะหวังความสำเร็จได้อย่างไร
@ อิสระจากความไม่ดีต่างๆ ----- เน้นการทำธุรกิจที่ใช้คุุณธรรมเป็นหลัก เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ
@ อิสระจากพันทนาการ ------ เพื่อเข้าหาความสุขที่แท้จริงได้

    9 แง่คิดของ คำว่า "อาชีพอิสระ" ที่ได้แรงบันดาลใจในคอร์ส superstars รมิตา ลองนำไปปรับใช้กันดูครับ

เขียนโดย
ภาสกร. ผุยพงษ์
รองกรรมการผผู้จัดการ บจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สิ่งที่ต้องแลกมาเพื่อความสำเร็จ

     อย่าเรียกร้องความสำเร็จจนกว่าจนลงมือทำ และมันยังไม่มากพอที่จะเรียกร้องความสำเร็จอีก. จนกว่าคุณจะมุ่งมั่นอย่างเด็ดเดี่ยว แบบไม่ตายไม่เลิก

    ตามความรู้สึกของผม  ความสำเร็จในธุรกิจขายตรงมีลักษณค่อนข้างพิเศษ แตกต่างกับความสำเร็จในสายอาชีพอื่นค่อนข้างมากเพราะ ผมมองว่าความสำเร็จที่ต้องใช้ระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ภายใต้สิ่งที่เรียกว่า อาชีพอิสระมันยิ่งต้องใช้กำลังภายในสูงมากๆเลยทีเดียว
     
     หลายคนอาจจะหลงภาพมายากับความสำเร็จแบบเงินล้านรถหรูด้วยเวลาไม่นานนัก ติดภาพที่สวยงามเกินเหตุจนลืมนึกถึงวิธีการแห่งความยากลำบาก บากคนแสนสาหัสถึงเกือบปางใต้ จึงจะได้สิ่งเหล่านั้นมา นี้คือเรื่องจริงจริงๆครับ

     เราต้องหันกลับมามองตัวเอง ใช้ความจริงตบหน้าตัวเองให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ เพืื่อให้สติได้อยู่กับความจริงในโลกปัจจุบัน บอกตัวเองว่า ธุรกิจเครือข่าย คือ หนึ่งในอาชีพที่ต้องอาศัยความอดทน การทุ่มเทแรงกายแรงใจ ความมุ่งมั่น ที่มากพอ (ผมคิดว่าน่าจะมากกว่าการทำงานปกติหลายร้อยเท่าด้วยครับ) แต่มันก็คุ้มค่ากับเวลาที่ใช้ไปแบบน้อยกว่างานอื่นๆ

    ทุกอย่างย่อมมีวิถีของมัน เหตุปัจจัยแห่งความสำเร็จเท่านั้นจึงจะนำพาท่านสู่ความสำเร็จได้ แต่หากว่าท่านยังไปติดอยู่หรือเสียเวลากับปัจจัยอื่นๆ ที่ขัดขวางความสำเร็จอยู่ บอกตรงๆว่าพยายามให้ตายดิ้นอย่างไรก็ไม่สำเร็จได้
     
     ขอเป็นกำลังใจให้กับนักธุรกิจเครือข่ายขายตรงมือใหม่ ที่ปรารถนาความสำเร็จให้เกิดผลได้อย่างแท้จริง
    
เขียนโดย
ภาสกร ผุยพงษ์
รองประธานกรรมการ บจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค
รับให้คำปรึกษาด้านฝึกอบรมและการทำการตลาดขายตรงฟรีๆๆๆ
      
    
         
    

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หลุมพลางแห่งธุรกิจเครือข่ายขายตรง

   

    ใครที่ได้มีโอกาสเดินเฉียดกรายเข้าใกล้ธุรกิจขายตรง อาจจะเคยได้ยินประโยคยอดฮิตที่ว่า "ลงทุนครั้งเดียว เก็บเกี่ยวตลอดชีวิต" ผมได้ยินครั้งแรกก็ร้องเสียงหลง "ว้าวววววว" มีด้วยรึ ธุรกิจแบบนี้....ว่าแล้วเราก็มานั่งปูสื่อจับเข่า จับไหล่คุยกันยาวเลยดีกว่าครับ
     กรอบใหญ่ของคำว่า "ธุรกิจ" ย่อมต้องมีการลงทุนแน่นอน ใช่เลย "ธุรกิจขายตรง" ก็คือธุรกิจชนิดหนึ่งเช่นกัน จริงไม? ฉะนั้นย่อมต้องมีการลงทุนเกิดขึ้น และเมื่อธุรกิจขยายตัว เราเองก็ต้องมีเงินทุนที่มากขึ้นในการลงทุน ธุรกิจขายตรงก็เช่นกัน เมื่อขนาดธุรกิจขยาย ย่อมต้องมีการลงทุนเพิ่ม จริงไม?
     ผมตั้งข้อสังเกตด้วยตรรกะง่ายๆ เบื้องต้นทำให้ขยายขนาดความคิดออกไปว่า การทำธุรกิจขายตรง ไม่มีวันสะหรอกที่จะลงทุนครั้งเดียว แล้วเก็บเกี่ยวตลอดชีวิต.....
   
     เรามาดูกันว่าขั้นตอนและการลงทุนในธุรกิจเครือข่ายเกิดขึ้นในขั้นตอนใดบ้าง
   1. ลงทุนเวลาและกำลังสมองในการนั่งคิดทบทวนอย่างหนักก่อนจะตัดสินใจทำธุรกิจ ขณะที่คนชวนก็พร่ำไป ชักแม่น้ำทั้งโลกมากองตรงหน้าคุณ ขณะนั้นคุณต้องใช้พลังสมอง พลังอารมณ์ พลังการวิเคราะห์ นั้นละ คือ การลงทุน จริงไม?
   2. เมื่อตกลงปรงใจ ตัดสินใจแล้ว คุณก็เตรียมควักเงินจริงๆที่ใช้เป็นการลงทุน เพื่อเลือกหน่วยธุรกิจที่ท่านไหว
    หลายคนเบรคแค่ตรงนี้ แล้วกลับไปบ้านนั่งเฉยๆ กะให้เงินมันงอกเงยขึ้นมาเอง ซะงั้น....
    ย้ำนะครับว่านี้คือธุรกิจๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และให้มองข้ามพ้นข้อ 2 ไปสู่ข้อ 3
  3. งานพื้นฐานของขายตรง คือ การชวนคน ซึ่ง การชวนคนมีหลายรูปแบบ แบบขับรถไปหา แจกใบปลิว แจกนามบัตร หรือ การหาคนโดยใช้ระบบออนไลน์ ล้วนแล้วแต่ต้องลงทุนด้วยเวลา แรง และเงินทั้งนั้น
 4. งานบริหารทีมงาน  การสร้างทีมงานและการซื้อใจทีมงาน ล้วนแล้วต้องลงทุนด้วย กาย ใจ และเงินทอง เช่น ค่าโทรศัพท์ น้ำมันรถ เลี้ยงข้าว เห้นไหมครับว่านี้ก็ คือ การลงทุนเหมือนกัน
     
    ขนาดของธุกิจขายตรงที่เติบโต ย่อมต้องมีการขยายฐานธุรกิจตามมาเฉกเช่นธุรกิจทั่วๆไป ทรัพยากรต่างๆที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะรายได้  เรามักติดหลุมพลางว่า เงินทั้งหมดเป็นผลงานเรา 100% เพราะฉะนั้นเรามีสิทธิ์ที่จะใช้และเก็บเข้ากระเป๋าทั้งหมด ได้โปรดทบทวนใหม่กันอีกรอบ หากท่านปรารถนาที่จะทำธุรกิจขายตรงแบบยั่งยืน ได้โปรดพิจารณาเรื่องของการจัดการการเงินระยะยาวในเมื่อตอนองค์กรของเราขยายตัวมากขึ้น อย่าคิดเพียงแต่ว่าจะพึ่งพาผู้ที่ชวนเราทำธุรกิจ อย่าลืมว่าเขามีภาระมากมายกว่าเราเสียอีก ฉะนั้น การพึงตนเองและระลึกเสมอว่า นี้คือธุรกิจของฉัน จะนำพาซึ่งความสำเร็จมาสู่ท่านแน่นอน

      ข้ามให้พ้นหลุมพลางข้อ 2 ขึ้นมาพบกับความจริง ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป จนสุดท้ายเราก็ต้อง ย้ายสำมะโนครัวไปที่ใหม่อีก เหนื่อยไม? เบื่อไม?

เขียนโดย
ภาสกร  ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการ บจก.ริชไทม เน็ตเวิร์ค

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ความรู้เรื่องขายตรง ฉบับชาวบ๊านชาวบ้าน

 
 "อะจึ๊ย อะจ๊าก อย่ามาใกล้ฉันนะ อย่ามาหลอกฉันนะ ลูกโซ่ป่าวววว ฉันไม่ชอบขาย" ประโยคเหล่านี้มักได้ยินออกจากปากของคนหลายๆคนที่เฉียดกรายเข้ามาใกล้ขายตรง โดยเฉพาะคนที่ไม่เข้าใจหลักการที่แท้จริงของคำว่า "ธุรกิจเครือข่ายขายตรง" (ต่อไปนี้ผมขอเรียกสั้นๆว่าขายตรง)
    ความเข้าใจน้อยหรือไม่เข้าใจอาจทำให้คนกลัว บางคนไม่เคยเห็นผีแต่แค่เรื่องเล่าก็ทำเราขนหัวลุก เฉกเช่นเดียวกับ บางคนไม่เคยทำขายตรง ก็อาจจะกลัวมากกกเพราะคำร่ำลือในทางลบ
   ฉะนั้นมาร่วมเดินทางสู่เบสิกขายตรง มาเรียนรู้ขายตรงกันแบบฉบับบ้านๆกันครับ
        สินค้าที่เราซื้อกินซื้อใช้ทุกวี่วัน คือ ค่าใช้จ่ายที่จ่ายออกไปในทางเดียว มองให้ลึกถึงเส้นทางของราคาสินค้าต่างๆที่เราซื้อกินซื้อใช้ เชื่อไมว่า สมมติว่าสินค้า 100 บาท ราคาจากแหล่งผลิตจริงๆ ไม่เกิน 40 บาท ที่เหลือ 60 บาทของราคาสินค้าท่านต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง มาดูกัน
           - ค่ารถ-ค่าขนส่งจากโรงงานมายัง ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่(ยี่ปั๊ว)  และร้านค้าปลีกรายย่อย
           - ค่าโฆษณาอันน่าตื่นเต้นในจอทีวีหรือหนังสือพิมพ์หรือวิทยุ คล้ายๆกับว่าท่านต้องจ่ายเพื่อชมโฆษณา (ไม่ดูโฆษณาก็ยังต้องจ่ายถ้าท่านไปซื้อสินค้าเขาโดยคนอื่นบอกต่อ) ซึ่งสัดส่วนของส่วนการโฆษณามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงกว่าเรื่องอื่นๆ
           - ค่าบริหารจัดการอื่นๆ เช่า จ้างพนักงาน,เช่าคลังเก็บสินค้า บริษัทผู้จัดจำหน่ายสินค้าก็ใจดีให้เรามีส่วนร่วมหารเป็นหุ้นส่วนจ่ายด้วย (แต่เวลาปันผลออกเราไม่เกี่ยวนะครับ 555)
          หลายท่านอาจตกใจเมื่อรู้แบบนี้....
          อย่าตกใจไปเลยครับ เพราะมันเป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไหร่แล้วตั้งแต่มีการจำหน่ายสินค้าแบบมวลชนหรือจำหน่ายให้กับประชาชนหมู่มาก
         ขณะนั้นเองคฑาชายผู้ชาญฉลาดในหมู่มวลชนที่ก้มหน้ากัมตาซื้อสินค้าแบบระบบดั้งเดิม ได้ฉุกคิดถึงเรื่องราวบางอย่างจากการสังเกตว่า เมื่อซื้อสินค้ามาใช้แล้ว รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง "ว้าว พระเจ้ายอร์จ มันจอร์จมาก" เก็บเอาไว้ไม่อยู่แล้วต้องไปเมาท์ป่าวประกาศกับเพื่อนๆหน่อยว่า สินค้าที่ฉันใช้อยู่วิเศษเพียงใด ในสายตาคฑาชายผู้ชาญฉลาดเฝ้าสังเกตถึงสิ่งเหล่านี้ แล้วตั้งคำถามว่า "ธรรชาติของคน คือ ซื้อสินค้ามาใช้แล้วดี ทุกคนมักจะบอกต่อ ขนาดว่าไม่ได้อะไรก็ยังขยันที่จะบอกต่ออยากไม่รู้เหน็ดไม่รู้เหนื่อย แต่หากว่า มีแรงจูงใจที่จะบอกต่อมากขึ้น เช่น บอกต่อแล้วมีตังค์ใช้มันจะดีเพียงใด" คิดได้เช่นนั้นคฑาชายผู้นี้กลับยิ้มในใจก่อนหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วร้องขึ้นมาว่า
    "ยูเรก้า ฉันค้นพบแล้ว การตลาดที่ยอดเยี่ยมสุดๆ คือ การตลาดแบบเครือข่ายขายตรง 55555"
   
      ผลิกวิธีคิด "คิดแบบบอกต่อได้ตังค์"
     เคยไม?
    - หนังเรื่องนี้สนุกมากกกกกก เธอไปดูดิรับรองไม่เสียดายตังค์
    - สำต้มร้านนี้แซ่บหลายไปกินได้เลย.....รับรองเอาเกียรติเป็นประกัน
    - เธอไปทำผมร้านนี้ดิรับรองว่าไม่ผิดหวังดูชั้นสิ เริ่ดดดดดดดดดดดด
เชื่อมั่นว่าทุกคนเลยเป็นแบบนี้ด้วยความตื่นเต้นและจริงจัง แต่ขอถามด้วยความจริงใจว่า
"ขณะที่ท่านเล่าเรื่องแบบนั้นด้วยความสุข เจ้าของกิจการที่ท่านพูดถึงเคยมาตบมือชื่นชมขอบคุณ หรือ มอบเงินค่าบอกต่อให้ท่านหรือไม่?"
   เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยตอบว่า "ไม่!!!"
    แต่คฑาชายผู้ชาญฉลาดเห็นช่องทางนี้ ต่อไปนี้ถ้าฉันมีสินค้าอะไรก็แล้วแต่ที่คัดสรรค์มาแล้วว่ามีคุณภาพสุดวิเศษ มาส่งมอบให้กับทุกท่านจากนั้นเมื่อท่านใช้ดี ก็บอกต่อ แต่การบอกต่อไม่สูญป่าว เพราะเรามอบโบนัสกำนัลตอบแทนให้ท่านอย่างสมเหตุสมผลแน่นอน
   นี่ละคือจุดกำเนิดของธุรกิจเครือข่ายขายตรงนี่เอง......

     ท่านจะเห็นว่าธุรกิจเครือข่ายขายตรงเป็นสิ่งที่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด กลับดูน่ารักสะมากกว่า และหากท่านยิ่งศึกษาให้ลึกมากไปกว่านี้ ท่านยิ่งจะตกหลุมรักธุรกิจเครือข่ายขายตรงมากขึ้น...เตือนไว้ก่อนนะครับ  ตอนหน้าเราจะมาพูดถึง ถึงความดีของธุรกิจเครือข่ายขายตรงกันครับ
   
    จงอย่ากลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ เพราะสิ่งที่เราไม่รู้อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตเราให้ดีขึ้นแบบสุดๆได้
จงทำเมื่อกลัว ยิ่งกลัวยิ่งต้องรีบทำ เปลี่ยนความกลัวเป็นความกล้า
ความสำเร็จเป็นจริงได้แน่นอน

   

       
         
   

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

มือใหม่หัดขายตรง

    พูดถึงเรื่องขายตรง,mlm หรือตลาดเครือข่าย มองกันได้หลายมุมม หากมองมุมดี(ที่มีมากกว่า) ก็มีมากมาย แต่หากมองมุมไม่ดี ซึ่งอาจมีน้อยกว่าแต่บางทีเสียงก็ดังกว่า ทำให้ผมกลับมานั่งคิดอะไรหลายๆอย่าง ไหนๆเราทำขายตรงเป็นอาชีพ รักสุดๆ ก็คงจะทำแบบสิ้นลมหายใจไปกับขายตรงนี้ละครับ
   มุมมองในส่วนตัวผมเอง เรื่องความดีไม่ดีในวงการขายตรง ผมมองไปถึงหลักการและปรัชญาที่เป็นแกนหลักของขายตรงซึ่งเป็นเรื่อที่ดีมากๆๆๆๆๆ แต่ที่แตกแขนงไปเป็นเรื่องดีบ้าง ไม่ดีบ้าง กลับอยู่ที่คนที่ใช้วิธีคิดและวิธีทำขายตรงที่แตกต่างกันมากกว่า
  บทพิสูจน์ที่มีให้เห็น คือ คนธรรมดากลายเป็นยอดคน มีเงินมีทองชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดี  จนแทบจะดูไม่ออกว่าเคยเป็นแม่บ้านจนมาก่อน อาชีพมหัศจรรย์จริงๆ แต่อีกมุม คือ การนำความโลภนำในการทำขายตรง สิ่งที่ตามมาคือ ความล้มเหลวของธุรกิจและความเกลียดชังและสาปแช่งลามไปทั้่งวงการ ทั้งๆที่นี้คือส่วนน้อย เข้าทำนองปลาเน่าตัวเดียว เหม็นทั้งข้อง สิ่งเหล่านี้คือเหรียญสองด้านของขายตรงที่หลายๆคนกำลังมองอยู่
   ผมได้ยินมาแว่วๆว่า นักธุรกิจขายตรงที่นับตัวได้ ตอนนี้มีราวๆ 7 ล้านคน นั่นหมายความว่าคนไทยอีกราวๆ 50 ล้านคน(ถ้าไม่นับเด็กๆอายุไม่ถึง 18 อาจจะไม่ถึง) ยังไม่เข้าสู่วงการขายตรง สิ่งที่น่าสนใจ คือ จะทำอย่างไรให้คนที่ยังไม่เข้าสู่วงการ เข้าสู่วงการให้ได้ เพราะนั่นคือโอกาสของเราทั้งนั้น จริงไมครับ?
   สืบเนื่องมาจากการพูดคุยกันแบบสัพเพเหระ สบายๆระหว่างการเดินทางไปลุยงานกับอ.ใจกล้า CEO ริชไทม คนเก่งก็ได้เกินไอเดียบ้างอย่างที่ "ปิ๊งแว๊บ" ต่อคำถามที่ว่าทำไมคนในประเทศไทย ส่วนใหญ่ยังมองขายตรงเป็นเรื่องลบๆ ไม่อยากเข้ามาในวงการ บางคนไม่อยากแม้แต่จะเฉียดกลาย
   สมมติฐานของผม มองไปยังเรื่องสำคัญ คือ เรื่องความรู้ ความเข้าใจเป็นประเด็นหลักเปรียบเหมือน คนเราเจอกันครั้งแรกมักไม่ชอบขี้หน้ากัน แต่หากอยู่ด้วยกันเรียนรู้กัน เข้าใจกันมากขึ้นย่อมจะทำงานร่วมกันได้อย่างสบายใจและมีความสุข......นี่ละใช่เลย
  ไม่มองคนอื่น กลับมามองเรา เหตุเพราะตัวเราเองนี้ละที่ไม่ได้ทำให้เขาเข้าใจ พอเขาไม่เข้าใจเขาก็เกลียดเรา ไม่อยากทำกับเรา ฉะนั้นเรามีทางออกดังนี
   - สร้างความรู้ ความเข้าใจผ่านสื่อต่างๆให้เขาเข้าใจ
   - สร้างที่ปรึกษาที่มีความรู้ ความเข้าใจขายตรงอย่างถ่องแท้
   - สร้างเครือข่ายสังคมแห่งความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับขายตรงให้แพร่กระจายไปให้กว้างไกลที่สุด
      ที่เหลือเป็นการใช้วิจารณญาณของท่านผู้ใช้ปัญญานำทางกันแล้วละครับ
      ผมเชื่อมั่นว่าบล๊อคนี้จะเป็นก้อนหินน้อยๆหนึ่งก้อน ที่โยนลงน้ำและกลายเป็นคลื่นใหญ่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการขายตรงต่อไป