วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ถ้าอยากสำเร็จต้องมองให้พ้นแค่การฝึกอบรม...

อย่าเอาความหวังไปฝากกับการฝึกอบรมเพียงไม่กี่ครั้ง แล้วนั่งตั้งตาตั้งตารอความสำเร็จอยู่ที่บ้าน ไม่มีทางหรอกที่คุณจะสำเร็จ
   ท่ามกลางบรรยากาศของห้องประชุมเต็มไปด้วยเสียงปรบมือ คำชื่นชม ความยินดี การให้กำลังใจ และคำสัญญาว่าจะทำให้ได้ จะขึ้นตำแหน่งให้ได้ มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้นในบรรยากาศนั้น. ยิ่งแรงโมติเวตของท่านวิทยากรมืออาชีพอัดแรงมากทเท่าไหร่ ยิ่งที่ให้ผู้เข้าร้วมประชุมหัวใจผองโต ไฟลุกพรึ่บ ณ ขณะนั้น....
   
 ความเป็นจริง.  
       เราอาจหลงลืมไป เผลอไป หลงยึดติดกับบรรยากาศในห้องประชุม ลืมมองข้ามพ้นไปสู่วิธีการแห่งความสำเร็จ การฝึกอบรมแม้จะดีระดับโลกเพียงใด แต่ถ้าเรายังยึดติดกับแค่บรรยากาศในห้องประชุม โดยไม่แปรเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นเป็นการกระทำ ย่อมจะไร้ค่าต่อความสำเร็จ. 
  
เปิดมุมมองให้กว้างขึ้นกับกระบวนการแห่งความสำเร็จ. ก่อนอบรม/ขณะอบรมและหลังฝึกอบรม
        ก่อนอบรม - เราต้องตระหนักเสมอว่า การชวนคนมาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจอันยิ่งใหญ่ อย่างธุรกิจเครือข่ายขายตรง. เราจะต้องเลือกคนที่ใช่ หมายความถึง คนที่ตกลงปรงใจซื้อไอเดียด้านธุรกิจที่เราขายด้วยความจริงใจกับเรา เราต้องวางแผนการหาคนที่ใช่และหัดคัดเลือกคนไหนที่เป็นผู้บริโภค คนไหนคือนักธุรกิจ สิ่งเหล่านี้จะนำพาไปสู่การทุ่มเทแรงกาย แรงใจ แรงเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดไปในจุดที่คุ้มค่า เหมาะสมที่สุด
        ขณะฝึกอบรม - ให้เราเจาะลึกไปกว่าการยึดติดบรรยากาศ คือ การเติมเต็มในสิ่งที่เราขาด ตั้งคำถามกับวิทยากรให้เป็น เราอย่างขาดหวังไปหาคำตอบสำเร็จรูปในที่ประชุม และที่สำคัญ คือ การเปิดใจให้กว้างมากๆ เพื่อรับการแลกเปลี่ยนประสบการณกับสมาชิกที่มาจากหลายๆที่ พาตัวให้มีส่วนร่วมกับที่ประชุมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ นั้นคือความคุ้มค่าที่ท่านสมควรจะได้รับ
       หลังฝึกอบรม - เก็บแง่คิด หลักการ และกำลังใจที่ได้จากการฝึกอบรมไปแปรเป็นการกระทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนแล้วลงมือทำทันที แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าจะมีปัญหาใหม่ๆเกิดขึ้นในขณะลงมือทำงาน (ปัญหาเก่าๆถูกแก้ไขเพราะได้รับแนวทางแก้ไขจากการฝึกอบรมคราวที่แล้ว) เราจะเก็บรวมรวมปัญหาเหล่านั้นมาแก้ปัญหาในการฝึกอบรมต่อไป สิ่งสำคัญหลังฝึกอบรมอย่าลืม เรื่องการประเมินผล โดยเฉพาะการวิเคราะห์เรื่องรายได้ของเราและทีมงานและจำนวนทีมงานที่เพิ่มมากขึ้น 
      
         ก่อน/ขณะ/หลังการฝึกอบรม คือ สิ่งที่เราต้องมองให้ครบ ทำให้ครบ ถึงจะประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง ย้ำนะครับว่า อย่ายึดตึดแค่เรื่องบรรยากาศห้องประชุมเพราะอาจจะทำให้ท่านตกหลุมพลางจนปีนขึ้นมาไม่ได้ และสุดท้ายก็โทษแต่ปัจจัยภายนอก ไม่เคยมองตัวเอง 
        อย่าเรียกร้องความสำเร็จ. จนกว่าท่านจะเข้าใจกระบวนการความสำเร็จและลงมือทำๆๆๆๆๆโดยไม่มีข้อแม้

        บทความดังกล่าวกระผมขอขอบคุณแรงบันดาลใจ จากท่านอ.ศักดา เจ้าของหลักสูตร wisdom to success

เขียนโดย
ภาสกร. ผุยพงษ์
รองประธานกรรมการบจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค

    
    

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มุมมองของคำว่า "อาชีพอิสระ" ในทัศนะของผม....

   มุมมองหนึ่งของคำว่า ธุรกิจเครือข่ายขายตรง มักเรียกกันว่า. อาชีพอิสระ คำว่าอาชีพอิสระ ท่านเคยนิยามกันไมครับว่า คำว่า อาชีพอิสระ คือ อะไร? 
   ในทัศนะของผม คำว่าอิสระ ต้องหันกลับมามองตนเองให้มาก โดยเฉพาะในแง่ของการปรับปรุงตัวเองเพื่อสร้างปัจจัยความสำเร็จ วันนี้มีโอกาสพูดคุยกับทีมงาน ได้โอกาสจึงนำเรื่องราวต่างๆมาแบ่งปันตรงนี้ครับ

     คำว่า "อาชีพอิสระ" คือ อิสระจากสิ่งต่อไปนี้
@ อิสระจากการเห็นแก่ตัว (ความโลภ) -----  ต้องแบ่งปันกันให้มาก
@ อิสระจากการพึ่งพาคนอื่น -----  รับผิดชอบตัวเองเต็มร้อย คำถามสำคัญ คือ เราจะทำอะไรเพื่อแก้ปััญหาได้บ้าง แทนที่จะถามว่า ใครจะมาช่วยฉันแก้ปัญหา
@ อิสระจากความเกียจคร้าน ----- ความเพียร / ความขยันความมุ่งมั่นที่มากพอ
@ อิสระจากความไร้ระเบียบ ----- จับระเบียบวินัยให้กับตัวเองอย่างเคร่งครัดมากกว่าตอนทำงานประจำอีก
@ อิสระจากการยึดติดแนวคิดเดิมๆที่ไร้ประโยชน์ ------ ความสำเร็จเดิมๆ. แนวคิดเดิมๆ ใช่ว่าจะสำเร็จตลอดไป  ยุคสมัย กาลเวลาเปลี่ยนไป อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอด
@ อิสระจากอคติ ----- อคติเป็นตัวการสำคัญที่เป็นอุปสรรคที่ขวางความสำเร็จ อคติทำให้หนูกลายเป็นช้าง เรื่องอเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องมีสาระกลายเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะฉะนั้นหาทางตัดอคติออกให้มากที่สุด
@ อิสระจากความโง่ (ขอโทษที่พูดแรง) ------ สตีฟ จ๊อบ เจ้าพ่อแอปเปิล พูดอยู่บ่อยๆว่า "จงโง่เขลา จงหิวกระหาย" หมายถึงว่า จงกระหายและรู้ตัวมากพอว่าตัวเองไม่รู้อะไรบ้าง ไม่ใช่ฉันรู้แล้วๆๆๆๆๆ จนน้ำล้นแก้ว รับอะไรไม่ได้ แล้วจะหวังความสำเร็จได้อย่างไร
@ อิสระจากความไม่ดีต่างๆ ----- เน้นการทำธุรกิจที่ใช้คุุณธรรมเป็นหลัก เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ
@ อิสระจากพันทนาการ ------ เพื่อเข้าหาความสุขที่แท้จริงได้

    9 แง่คิดของ คำว่า "อาชีพอิสระ" ที่ได้แรงบันดาลใจในคอร์ส superstars รมิตา ลองนำไปปรับใช้กันดูครับ

เขียนโดย
ภาสกร. ผุยพงษ์
รองกรรมการผผู้จัดการ บจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สิ่งที่ต้องแลกมาเพื่อความสำเร็จ

     อย่าเรียกร้องความสำเร็จจนกว่าจนลงมือทำ และมันยังไม่มากพอที่จะเรียกร้องความสำเร็จอีก. จนกว่าคุณจะมุ่งมั่นอย่างเด็ดเดี่ยว แบบไม่ตายไม่เลิก

    ตามความรู้สึกของผม  ความสำเร็จในธุรกิจขายตรงมีลักษณค่อนข้างพิเศษ แตกต่างกับความสำเร็จในสายอาชีพอื่นค่อนข้างมากเพราะ ผมมองว่าความสำเร็จที่ต้องใช้ระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ภายใต้สิ่งที่เรียกว่า อาชีพอิสระมันยิ่งต้องใช้กำลังภายในสูงมากๆเลยทีเดียว
     
     หลายคนอาจจะหลงภาพมายากับความสำเร็จแบบเงินล้านรถหรูด้วยเวลาไม่นานนัก ติดภาพที่สวยงามเกินเหตุจนลืมนึกถึงวิธีการแห่งความยากลำบาก บากคนแสนสาหัสถึงเกือบปางใต้ จึงจะได้สิ่งเหล่านั้นมา นี้คือเรื่องจริงจริงๆครับ

     เราต้องหันกลับมามองตัวเอง ใช้ความจริงตบหน้าตัวเองให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ เพืื่อให้สติได้อยู่กับความจริงในโลกปัจจุบัน บอกตัวเองว่า ธุรกิจเครือข่าย คือ หนึ่งในอาชีพที่ต้องอาศัยความอดทน การทุ่มเทแรงกายแรงใจ ความมุ่งมั่น ที่มากพอ (ผมคิดว่าน่าจะมากกว่าการทำงานปกติหลายร้อยเท่าด้วยครับ) แต่มันก็คุ้มค่ากับเวลาที่ใช้ไปแบบน้อยกว่างานอื่นๆ

    ทุกอย่างย่อมมีวิถีของมัน เหตุปัจจัยแห่งความสำเร็จเท่านั้นจึงจะนำพาท่านสู่ความสำเร็จได้ แต่หากว่าท่านยังไปติดอยู่หรือเสียเวลากับปัจจัยอื่นๆ ที่ขัดขวางความสำเร็จอยู่ บอกตรงๆว่าพยายามให้ตายดิ้นอย่างไรก็ไม่สำเร็จได้
     
     ขอเป็นกำลังใจให้กับนักธุรกิจเครือข่ายขายตรงมือใหม่ ที่ปรารถนาความสำเร็จให้เกิดผลได้อย่างแท้จริง
    
เขียนโดย
ภาสกร ผุยพงษ์
รองประธานกรรมการ บจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค
รับให้คำปรึกษาด้านฝึกอบรมและการทำการตลาดขายตรงฟรีๆๆๆ
      
    
         
    

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หลุมพลางแห่งธุรกิจเครือข่ายขายตรง

   

    ใครที่ได้มีโอกาสเดินเฉียดกรายเข้าใกล้ธุรกิจขายตรง อาจจะเคยได้ยินประโยคยอดฮิตที่ว่า "ลงทุนครั้งเดียว เก็บเกี่ยวตลอดชีวิต" ผมได้ยินครั้งแรกก็ร้องเสียงหลง "ว้าวววววว" มีด้วยรึ ธุรกิจแบบนี้....ว่าแล้วเราก็มานั่งปูสื่อจับเข่า จับไหล่คุยกันยาวเลยดีกว่าครับ
     กรอบใหญ่ของคำว่า "ธุรกิจ" ย่อมต้องมีการลงทุนแน่นอน ใช่เลย "ธุรกิจขายตรง" ก็คือธุรกิจชนิดหนึ่งเช่นกัน จริงไม? ฉะนั้นย่อมต้องมีการลงทุนเกิดขึ้น และเมื่อธุรกิจขยายตัว เราเองก็ต้องมีเงินทุนที่มากขึ้นในการลงทุน ธุรกิจขายตรงก็เช่นกัน เมื่อขนาดธุรกิจขยาย ย่อมต้องมีการลงทุนเพิ่ม จริงไม?
     ผมตั้งข้อสังเกตด้วยตรรกะง่ายๆ เบื้องต้นทำให้ขยายขนาดความคิดออกไปว่า การทำธุรกิจขายตรง ไม่มีวันสะหรอกที่จะลงทุนครั้งเดียว แล้วเก็บเกี่ยวตลอดชีวิต.....
   
     เรามาดูกันว่าขั้นตอนและการลงทุนในธุรกิจเครือข่ายเกิดขึ้นในขั้นตอนใดบ้าง
   1. ลงทุนเวลาและกำลังสมองในการนั่งคิดทบทวนอย่างหนักก่อนจะตัดสินใจทำธุรกิจ ขณะที่คนชวนก็พร่ำไป ชักแม่น้ำทั้งโลกมากองตรงหน้าคุณ ขณะนั้นคุณต้องใช้พลังสมอง พลังอารมณ์ พลังการวิเคราะห์ นั้นละ คือ การลงทุน จริงไม?
   2. เมื่อตกลงปรงใจ ตัดสินใจแล้ว คุณก็เตรียมควักเงินจริงๆที่ใช้เป็นการลงทุน เพื่อเลือกหน่วยธุรกิจที่ท่านไหว
    หลายคนเบรคแค่ตรงนี้ แล้วกลับไปบ้านนั่งเฉยๆ กะให้เงินมันงอกเงยขึ้นมาเอง ซะงั้น....
    ย้ำนะครับว่านี้คือธุรกิจๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และให้มองข้ามพ้นข้อ 2 ไปสู่ข้อ 3
  3. งานพื้นฐานของขายตรง คือ การชวนคน ซึ่ง การชวนคนมีหลายรูปแบบ แบบขับรถไปหา แจกใบปลิว แจกนามบัตร หรือ การหาคนโดยใช้ระบบออนไลน์ ล้วนแล้วแต่ต้องลงทุนด้วยเวลา แรง และเงินทั้งนั้น
 4. งานบริหารทีมงาน  การสร้างทีมงานและการซื้อใจทีมงาน ล้วนแล้วต้องลงทุนด้วย กาย ใจ และเงินทอง เช่น ค่าโทรศัพท์ น้ำมันรถ เลี้ยงข้าว เห้นไหมครับว่านี้ก็ คือ การลงทุนเหมือนกัน
     
    ขนาดของธุกิจขายตรงที่เติบโต ย่อมต้องมีการขยายฐานธุรกิจตามมาเฉกเช่นธุรกิจทั่วๆไป ทรัพยากรต่างๆที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะรายได้  เรามักติดหลุมพลางว่า เงินทั้งหมดเป็นผลงานเรา 100% เพราะฉะนั้นเรามีสิทธิ์ที่จะใช้และเก็บเข้ากระเป๋าทั้งหมด ได้โปรดทบทวนใหม่กันอีกรอบ หากท่านปรารถนาที่จะทำธุรกิจขายตรงแบบยั่งยืน ได้โปรดพิจารณาเรื่องของการจัดการการเงินระยะยาวในเมื่อตอนองค์กรของเราขยายตัวมากขึ้น อย่าคิดเพียงแต่ว่าจะพึ่งพาผู้ที่ชวนเราทำธุรกิจ อย่าลืมว่าเขามีภาระมากมายกว่าเราเสียอีก ฉะนั้น การพึงตนเองและระลึกเสมอว่า นี้คือธุรกิจของฉัน จะนำพาซึ่งความสำเร็จมาสู่ท่านแน่นอน

      ข้ามให้พ้นหลุมพลางข้อ 2 ขึ้นมาพบกับความจริง ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป จนสุดท้ายเราก็ต้อง ย้ายสำมะโนครัวไปที่ใหม่อีก เหนื่อยไม? เบื่อไม?

เขียนโดย
ภาสกร  ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการ บจก.ริชไทม เน็ตเวิร์ค